หมายเหตุ:บทความ เรื่อง การเเสดงความรับผิดชอบของผู้บริหารไทยพีบีเอส เขียนโดย บรรยงค์ สุวรรณผ่อง ประธานกรรมการจริยธรรมวิชาชีพ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กรรมการควบคุมจริยธรรม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
กรณีองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) องค์กรบริหารกิจการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS) นำรายได้ที่ยังไม่ถึงกำหนดใช้จ่าย ไปซื้อตราสารหนี้ เพื่อนำรายได้ที่เกิดจากดอกผลไปพัฒนาองค์กร เนื่องจากเงินที่ได้รับจากภาษีสุราและยาสูบตามมาตรา 11 (1) และมาตรา 12 พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ไม่เกินสองพันล้านบาท ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน
แต่เงินในส่วนที่นำไปซื้อหุ้นกู้ของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ถูกทักท้วงว่า (1) อาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน โดยเฉพาะการเป็นสื่อสาธารณะ และ (2) ยังอาจขัดแย้งต่อวัตถุประสงค์ขององค์กรและการหารายได้ตามที่ได้ระบุไว้ในกฎหมายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพฯ ซึ่งฝ่ายบริหาร ส.ส.ท. ชี้แจงว่า การลงทุนในกิจการ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เป็นหุ้นกู้ ไม่ใช่หุ้นสามัญ จึงไม่มีสิทธิในการลงมติใด ๆ สถานะในกิจการคือ ‘เจ้าหนี้’ ไม่ใช่ ‘ผู้ถือหุ้น’ ที่ต้องรับความเสี่ยงจากเงินปันผล และไม่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน ส่วนการนำเงินรายได้ที่ยังไม่ถึงกำหนดใช้จ่ายไปหาดอกผลนั้น กฎหมายให้อำนาจไว้แล้วว่าสามารถกระทำได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม แม้การหารายได้ดังกล่าว สามารถกระทำได้ คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย ทันตแพทย์กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้อำนวยการ และคณะ ได้แก่ นายสุวิทย์ สาสนพิจิตร์ นายอนุพงษ์ ไชยฤทธิ์ และรองศาสตราจารย์ ดร. วิลาสินี พิพิธกุล รองผู้อำนวยการทั้ง 3 คน ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ในมิติทางจริยธรรม นี่คือการแสดงความรับผิดชอบสูงสุดในฐานะผู้บริหารสื่อ ‘มืออาชีพ’ อันควรแก่การบันทึกไว้