ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตผู้ใหญ่บ้านในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา “น้องสโนว์” อายุ 18 ปี พร้อมชำระเงินชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 2,390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ขณะที่ทนายความของผู้ใหญ่บ้านเตรียมยื่นอุทธรณ์
30 มี.ค.60 ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาเกือบ 2 ชั่วโมง ศาลตัดสินพิพากษาประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา “น้องสโนว์” อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 พร้อมชำระเงินชดใช้ค่าสินไหมจำนวน 2,390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตพอใจผลคำตัดสิน ขณะที่บรรยากาศก่อนการตัดสินในช่วงเช้า ครอบครัวของ “น้องสโนว์” และญาติกว่า 100 คนเดินทางมาเฝ้าติดตามคดี
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.58 เวลา 18.40 น. โดย “น้องสโนว์” ขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขนว. ร้อยเอ็ด 443 จากโรงเรียนร่องคำ เดินทางกลับบ้านไปตามถนนสายบ้านสีถาน – บ้านโนนเมือง ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
เมื่อถึงที่เกิดเหตุมี นายกฤติเดช ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปเบียดชนและให้เท้าถีบรถของผู้ตายจนเสียหลักล้มลงข้างถนน จากนั้นคนร้ายดึงลากตัวผู้ตายเข้าไปในทุ่งนาแล้วบีบคอและชกต่อยบริเวณท้อง ลำตัวและใบหน้าผู้ตาย แล้วคนร้ายใช้นิ้วสอดใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศผู้ตาย ผู้ตายต่อสู้ขัดขืน คนร้ายจึงชกต่อบริเวณท้องผู้ตายจนเป็นเหตุให้ตับฉีกขาดถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
ภายหลังการตัดสินคดี ครอบครัว ร้องไห้ด้วยความดีใจและพอใจในผลคำตัดสินต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแม่และพี่สาวของน้องสโนว์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่ทวงเอาความยุติธรรมให้แก่ “น้องสโนว์” เพราะตลอดระยะเวลา 464 วันครอบครัวมีความทุกข์ทรมานและหวังเพียงว่ากระบวนการยุติธรรมจะสมารถลงโทษคนร้ายได้ โดยตั้งแต่เมื่อคืนครอบครัวได้พากันจุดธูปบอก “น้องสโนว์” ว่า วันที่รอคอยมาถึงแล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ได้หาพยานหลักฐานไปดำเนินคดีกับคนร้าย ซึ่งต่อไปนี้ครอบครัวก็จะมีความสุข และขอให้เป็นบทเรียนและ “น้องสโนว์” คงเป็นเหยื่อคนสุดท้ายต่อคดีข่มขืน เพราะไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็เสียใจ ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ แต่ผลคำตัดสินของศาลชั้นต้นออกมานั้นไม่ว่าจะอย่างไรครอบครัวก็จะติดตามต่อไปให้ถึงที่สุด
ขณะที่ นายวิรัช พิพรพงษ์ ทนายฝ่ายจำเลย กล่าวว่า คดีนี้นี้ในส่วนของจำเลยก็เตรียมที่ต่อสู้คดีโดยจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน หรือไม่อาจจะขอขยายเวลาในการอุทธรณ์ ซึ่งก็จะต้องตรวจเอกสารสำนวนคำพิพากษาก่อน ส่วนจะหยิบยกประเด็นไหนมาต่อสู้ก็คงต้องตรวจคำพิพากษาก่อน