ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร! หนุ่มรับเหมาจะพาลูกชายไปทำบัตรประชาชน ค้นหาเอกสารที่ภรรยาแอบเก็บไว้เป็น อึ้ง!สูติบัตรลูกกลับเป็นอีก ชื่อ-นามสกุล เค้นความจริงจากภรรยาอ้างว่ากุเรื่องท้องและขอลูกคนอื่นมาเลี้ยง
ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นายเอก (นาม สมมติ) อายุ 52 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ อาชีพรับเหมาทำระบบไฟ พร้อมด.ช.บอย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกชาย เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ โดยนายเอกขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามหาพ่อแม่ที่จริงของด.ช.บอย หลังให้การเลี้ยงดูมาเสมือนลูกแท้ๆ ตลอดเวลากว่า 14 ปี แต่เพิ่งมารู้ความจริงว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ และการตามหาครั้งนี้ก็เพื่อจะได้ให้ทางพ่อแม่ที่แท้จริงของด.ช.บอยนั้น ได้จัดการทำเรื่องยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมให้ถูกต้องตามกฏหมาย และเด็กจะได้ทำบัตรประชาชนและเรียนต่อได้
นายเอก กล่าวว่า ตนอยู่กินกับนางโบ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นชาวอ.ถลาง จ.ภูเก็ต มานานกว่า 15 ปี มีลูกชายคนเดียว คือ ด.ช.บอย ก็รักและเลี้ยงดูมาอย่างดี ต่อมาตนจะพาลูกชายไปทำบัตรประชาชนจึงได้ค้นหาเอกสารสูติบัตร ก็พบว่าตู้เอกสารที่ภรรยาเก็บไว้ถูกล็อคกุญแจไว้อย่างแน่นหนาจึงสงสัยและช่วยกันกับลูกงัดกุญแจออกก็พบใบสูติบัตร ระเบียนผลการเรียนของด.ช.บอย แต่เมื่อตรวจสอบดูก็ต้องแปลกใจเนื่องจากเอกสารทั้งหมดมีการแก้ไขชื่อ นามสกุล ของด.ช.บอย โดยใช้ปากกาลบคำผิดลบก่อนถ่ายเอกสารขึ้นมาใหม่ โดยในสำเนาใบสูติบัตรได้ระบุชื่อ นามสกุล ของเด็กชายอีกคน ที่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกับลูกชายตน และชื่อพ่อแม่ที่ ให้กำเนิดนั้นเป็นชาวจ.สกลนคร เมื่อตนถามลูกชายตนก็บอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ให้ใช้ชื่อนามสกุล คนละแบบกับที่พ่อตั้งให้และแม่สั่งว่าห้ามไปบอกพ่อ มิฉะนั้นแม่จะอยู่ที่บ้านไม่ได้ ลูกชายก็เลยเก็บเป็นความลับมาตลอด ทั้งที่ไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร
ทั้งนี้จากการประมวลผลพบว่าเมื่อ 15 ปีก่อนตนได้ไปทำงานนอกพื้นที่จะกลับบ้านเป็นครั้งคราว ภรรยาบอกว่าท้องและขอกลับไปอยู่บ้านที่ จ.ภูเก็ต เนื่องจากจะได้มีคนดูแลตนก็อนุญาต แต่พอจะไปเยี่ยมภรรยากลับอ้ำอึ้งไม่ยอมให้ไปจนกระทั้งโทรมาบอกให้ไปรับกลับเนื่องจากคบอดลูกแล้ว โดยให้ไปรับที่ห้องพักแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่บ้านของภรรยาแต่ตนก็ไม่ได้เอะใจ เนื่องจากดีใจที่ได้เป็นพ่อคน สำหรับเอกสารต่างการเข้าเรียน หรือไปโรงพยาบาลภรรยาจะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด ล่าสุดตนได้ถามภรรยาว่าเอาลูกใครมาก็ได้คำตอบว่าเป็นลูกของเพื่อนที่มีลูกเยอะถึง 6 คนเลี้ยงไม่ไหวเลยยกให้ และที่ทำไปนั้นเพราะอยากจะมีลูกและกลัวว่าตนจะไม่รัก ซึ่งขณะนี้ลูกชายก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเนื่องจากอายเพื่อนและกลัวว่าตนจะไม่รักเนื่องจากไม่ใช่พ่อที่แท้จริง ซึ่งตนก็ได้ปลอบใจลูกและถือว่าด.ช.บอยเป็นลูกชายของตนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ส่วนภรรยาของตนหลังทุกคนรู้ความจริงก็ได้ขอกลับไปเยี่ยมญาติที่ภูเก็ตและยังไม่เดินทางกลับมา
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า หลังรับเรื่องได้ประสานกับ นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอเต่างอย จ.สกลนคร เพื่อ ช่วยตรวจสอบชื่อ-ที่อยู่ ของพ่อแม่ด.ช.บอยที่ระบุในสูติบัตร โดยพบว่าพ่อแม่ของด.ช.บอย อาศัยอยู่ในต.นาตาล อ.เต่างอย จ.สกลนคร จริง ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปสอบถามเบื้องต้นทั้งสองสามีภรรยาก็ยอมรับว่าได้เคยให้ลูกชายกับนางโบไปจริง เนื่องจากมีลูกหลายคนฐานะยากจนกลัวว่าจะเลี้ยงไม่ไหว และก็พร้อมที่จะดำเนินการรับรองด.ช.บอย เพื่อให้ได้ทำบัตรประชาชน และยกด.ช.บอยให้เป็นบุตรบุญธรรมของนายเอกให้ถูกต้องตามกฏหมาย และในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. นางปวีณาจะได้พาสองพ่อลูกเดินทางไปที่อำเภอเต่างอยด้วยตนเอง