“เด็ก ป.6 ฆ่าตัวตาย เพราะถูกเพื่อนล้อ”
“หนุ่มรมควันฆ่าตัวตายในรถ”
“นางแบบสาวซดยาก่อนดิ่งตึกดับ”
“คุณลุงวัย 66 ปี ผูกคอตาย เสียใจดูแลแม่ไม่ดี”
แทบไม่น่าเชื่อว่า พาดหัวข่าว “ฆ่าตัวตาย” ที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ นั้น จะครอบคลุมกลุ่มคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ซ้ำร้ายตัวเลข “การฆ่าตัวตาย” ในประเทศไทยยังสูงกว่า “การฆ่ากันตาย” โดยแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายประมาณ 4,500-5,000 คน มากกว่าการฆ่ากันตาย ซึ่งมีเพียง 3,000-3,800 รายต่อปี
พอหันมองสถิติทั่วโลกพบว่าใน 1 ปี มีคนปลิดชีพตัวเองมากถึง 800,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงข้อมูลที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เก็บข้อมูลได้เท่านั้น WHO จึงกำหนดให้มี “วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก” โดยเริ่มครั้งแรกในวันที่ 10 กันยายน 2546 ด้วยเหตุผลว่า ในแต่ละปีมีการฆ่าตัวตายเกือบล้านคน คิดเฉลี่ย 1 คนต่อ 40 วินาที
สูงวัยเสี่ยงสูงคิดสั้น
ในการสัมมนาการป้องกันการฆ่าตัวตาย นพ.ณัฐกร จำปาทอง ผอ.รพ.จิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า แม้ว่าข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจะพบว่า การฆ่าตัวตายของไทยลดลงเรื่อย ๆ โดยปี 2558 อยู่ที่ 6.47 ต่อแสนประชากร ปี 2559 อยู่ที่ 6.35 ต่อแสนประชากร และปี 2560 ข้อมูลถึงวันที่ 15 พ.ค. 2561 อยู่ที่ 6.03 ต่อแสนประชากร แต่อัตราการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุกลับมีมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุติดบ้าน จากเดิมที่เป็นกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งในส่วนของเด็กและวัยรุ่นจะพบประมาณ 140-160 คนทุกปี
หนึ่งคนที่เข้าใจก็เพียงพอ
ทั้งที่การหาเพื่อนหรือคนพูดคุยในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันหรือโซเชียลมีเดีย แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ไม่มีส่วนช่วยให้การฆ่าตัวตายลดน้อยลง ซึ่ง รศ.นพ.ชวนันท์ ชาญศิลป์ นายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ผู้ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับคนรอบข้าง จะมีอัตราการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายน้อยกว่าคนที่อยู่ตามลำพัง ซึ่งเพื่อนทางโซเชียลมีเดียแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ทางออกของปัญหา
“คนที่จะมีความสัมพันธ์ด้วย ต้องเป็นคนที่ไว้วางใจ ไม่ตัดสินเรา ซึ่งอาจไม่ใช่คนที่แก้ปัญหาให้เราได้ แต่ต้องช่วยรับฟังเราได้ แค่เพียงคนเดียวก็จะช่วยป้องกันการฆ่าตัวตายได้ ซึ่งผลวิจัยพบว่า ถ้ามีเพื่อนที่ไว้ใจได้ 3-4 คน อัตราการฆ่าตัวตายจะลดลงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ หากมี 5-6 คน ลดได้ 89 เปอร์เซ็นต์ เพราะในทางจิตวิทยาการมีเพื่อนทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง เมื่ออยู่ในจุดที่ตึงเครียด หรือทุกข์ใจก็มีจะคนที่คอยรับฟัง ดูแลกันและกัน” รศ.นพ.ชวนันท์ กล่าว
สิ่งควรทำเมื่อมีคนอยากฆ่าตัวตาย
รับฟัง ให้ระบายความรู้สึกออกมาให้มากที่สุด จนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น แม้จะพูดว่าอยากฆ่าตัวตายก็ปล่อยให้พูด เพราะจะช่วยลดพลังที่อยากตายลง
สิ่งที่ควรพูดคือ “เรามีเวลาให้คุณ ระบายมาได้ เรายินดีรับฟัง”
ไม่เปลี่ยนเรื่องพูด ควรปล่อยให้เขาได้พูดมากที่สุด และให้เขารู้สึกว่าเราให้เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้ที่เราอยู่รับฟังเขา
ไม่จำเป็นต้องบอกวิธีการแก้ปัญหา แค่ทำหน้าที่ให้เขารู้สึกว่าไม่ได้โดดเดี่ยว ไม่ได้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง และไม่ตัดสินเขา
ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ช่วยปรับสภาวะทางจิตใจของเขาจากวิกฤตให้กลายเป็นปกติ เป็นกระจกสะท้อนสิ่งที่เขาคิด เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ตัวเองคิดเรื่อย ๆ เขาจะเริ่มทบทวนได้เองว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
คำพูดต้องห้าม
น้ำเสียงการตัดสิน เช่น “ใจเย็นๆ” เพราะเขารู้สึกว่าทุกข์ร้อนขนาดนี้ให้ใจเย็นก็คงไม่ไหว
“เรื่องแค่นี้เอง” พูดแบบนี้คนฟังจะรู้สึกตัวเองไม่ฉลาดที่จะรับมือกับปัญหา
“ไม่เป็นไรนะ” แสดงว่าเราไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเจอเป็นเรื่องสำคัญ
“อย่าคิดสั้น” เพราะเป็นคำสั่ง เขาอาจจะโดนคนตัดสินมาเยอะแล้ว เขาแค่ต้องการคนที่รับฟังและเข้าใจ
“อย่าคิดมาก” เขารู้สึกว่าปัญหาใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือได้
“ทำไมไม่รักตัวเอง ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างเหรอ” เพราะเป็นการตัดสินเขา และเขาเองก็อาจจะทุกข์มากจนไม่อยากบอกพ่อแม่ ณ เวลานั้นเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอ
“แล้วมันจะผ่านไป” พูดได้ แต่อย่าเพิ่งพูดคำนี้เร็วไป รอให้สภาวะทางจิตใจเขาเริ่มสงบก่อนแล้วอาจจะพูดได้
ฆ่าตัวตายป้องกันได้
ปัญหาการฆ่าตัวตาย เริ่มต้นป้องกันได้จากครอบครัว ดังนี้
- การมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน (Connect.) ไม่ห่างเกินไปและไม่ใกล้ชิดจนเกินไป สมาชิกมีความเป็นตัวของตัวเอง มีบทบาทหน้าที่ชัดเจน
- สื่อสารดีต่อกัน (Communicate) การสื่อสารที่ดีควรเป็นการสื่อสารที่สื่อจากความรู้สึกของตัวเองโดยตรง เช่นบอกความรู้สึกความต้องการอย่างจริงใจ และถามความเห็นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราสนใจในความรู้สึกนึกคิด แสดงความชื่นชมหรือขอบคุณเพื่อเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันและกัน นอกจากนั้นยังสามารถสื่อสารได้โดยไม่ใช้คำพูดเช่น มองหน้า สบตา การยิ้ม จับมือ โอบกอด การสัมผัส ก็จะช่วยสร้างพลังให้คนในครอบครัวได้
- เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน (Care) ด้วยการให้เวลากับคนในครอบครัว ใช้เวลาในทำกิจกรรมร่วมกัน ใส่ใจสอบถาม ร่วมมือกันเมื่อเกิดความขัดแย้ง เมื่อคนในครอบครัวมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น ก็พร้อมช่วยเหลือดูแล
ปัญหาการฆ่าตัวตายสามารถเริ่มต้นแก้ไขได้ด้วยการ “รับฟัง” เพราะทุกคนต่างต้องการคนที่เข้าใจและเห็นคุณค่าในตนเอง ซึ่งเราสามารถช่วยกันลดตัวเลขการการฆ่าตัวตายให้น้อยลงได้ หากเข้าใจสภาพจิตใจของผู้ที่ต้องการปลิดชีวิตตนเอง
ข้อมูล : สมาคมสะมาริตันส์