“บรรณวิทย์” ฟันธง เลือกตั้ง 62 ไม่เกิด เหตุไม่เหลือเก้าอี้ให้นั่งเพราะถูกต่อรองจากพลังดูด ส่วน “ทักษิณ” หมดอำนาจไร้อิทธิพลต่อนักการเมือง ที่ยังเคลื่อนไหวเพราะกลัวคนไทยลืม เตือนไทยยังวุ่นวาย ทหารจะออกมายึดอำนาจทหารกันเอง
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวในรายการ “ทุบประเด็น” ออกอากาศทางไบรท์ทีวีช่อง 20 ถึงการเมืองไทยในปัจจุบันว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่ตนรักเพราะเป็นทหาร แต่หลังจากบริหารงาน 4 ปีผ่านไป เดินไปไหนมีแต่คนว่าทหาร ซึ่งตนได้เตือนเรื่องการบริหารงานทั้งฝากไปบอกและเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่คนชั้นกลางลงมาถึงชั้นล่างประสบปัญหาปากท้องอย่างหนัก คนจนก็จนลงขึ้นจริง ๆ หรือกรณีการบริหารการบินไทยที่ขาดทุน และเดินผิดทาง เพราะไปประกันราคาน้ำมันวันละ 1,800 ล้านบาท เอาเครื่องบินอายุ 9 ปีกว่าไปจอดทิ้งไว้ สูญเสียอีกเดือนละ 2 พันล้าน แต่ก็ได่รับคำตอบกลับมาว่า เป็นเรื่องซับซ้อน รวมถึงเตือนเรื่องอย่าขึ้นค่าไฟ เพราะแนวโน้มน้ำมันโลกลงแล้ว แต่ที่สุดก็ประกาศขึ้นค่าเอฟทีไป หากบริหารประเทศแบบนี้ ประเทศจะอยู่ไม่ได้
“ยืนยันว่าไม่ได้สมัครสมาชิกพรรคหรือตั้งพรรคการเมืองใด ๆ เหตุผลที่ไม่ลงเล่นการเมือง เพราะอ่านตามหน้าไพ่แล้ว คิดว่าไม่มีเลือกตั้งอย่างแน่นอน และเราจะลงเล่นการเมืองทำไมเมื่อสภาวะแวดล้อมการเมืองยังเหมือนเดิม วันนี้ยังมีพลังดูด ซื้อตัวกันได้ยินมาตลอด ซึ่งกลุ่มที่ไปดูดมาก็มีการต่อรองตำแหน่งและจองเก้าอี้ ผมคิดว่าจะไม่มีเลือกตั้ง จะเลือกทำไมเมื่อกลุ่มต่าง ๆ ต่อรองขอตำแหน่งไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เป็นนายกฯ อยู่ แต่หลังเลือกตั้งจะได้ตำแหน่งอะไร ตอนนี้มี มาตรา 44 อยู่ในมือยังบริหารได้แค่นี้ แต่หลังเลือกตั้งรัฐมนตรีจะมาจากกลุ่มอื่นหมด แล้วจะบริหารอย่างไร แต่ที่ไปชวนมาเพราะไม่คิดว่าการต่อรองจะรุนแรงขนาดนี้” พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าว
อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ปัจจุบันนายทักษิณไม่มีอิทธิพลกับการย้ายพรรคหรืออยู่กับพรรคไหน เพราะนักการเมืองแต่ละคนไปทำตามทุนทรัพย์ของตนเองเสียส่วนใหญ่ ที่ยังออกมาเคลื่อนไหวเพราะเหงาและกลัวคนไทยลืม ซึ่งสิ่งที่นายทักษิณปรารถนาคือการกลับมาประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่กล้ากลับ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือต้องหลุดคดีทั้งหมดก่อน จากนั้นจึงเป็นการวางรากฐานทางการเมือง อย่างไรก็ตาม อนาคตของประเทศไทย จากการวิเคราะห์ของตนเชื่อว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายไปถึงเดือนตุลาคม 2562 และมีโอกาสเกิดการเคลื่อนไหวตามท้องถนน แต่จะไม่ใช่จากประชาชนเพราะประชาชนหมดแรงและเบื่อหน่ายแล้ว อาจมีการแตกแยกทางความคิดของทหาร และทหารอาจจะยึดอำนาจจากทหารกันเอง