ประกันสังคมเผยปี 61 ยึดทรัพย์นายจ้างเบี้ยวจ่ายเงินสมทุบเข้ากองทุนประกันสังคม 67 ล้านบาท เตรียมเช็กบิลนายจ้างไม่ส่งเงินสมทบ-เมินกฏหมาย ยึดอายัดทรัพย์ขายทอดตลาด และดำเนินคดี
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า จากการติดตามนายจ้างที่ติดค้างชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในปี 2561 ที่ผ่านมา สปส. สามารถยึดอายัดทรัพย์สินสถานประกอบการที่ค้างชำระกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน ได้จำนวน 488 ราย ถอนยึดอายัดทรัพย์ 177 ราย ยื่นคำขอรับชำระหนี้ 166 ราย แบ่งเป็น กรณีพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด 163 ราย กรณีฟื้นฟูกิจการ 3 ราย มีจำนวนหนี้ที่ สปส.ติดตามมาได้ทั้ง 2 กองทุน คือ กองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน เป็นจำนวนเงิน 67,449,396.73 ล้านบาท โดยมาตรการที่ดำเนินการกับเจ้าหนี้ที่ติดค้างชำระหนี้ตามขั้นตอน ได้แก่ แจ้งเตือนและเชิญพบ กรณีนายจ้างมาพบจะได้รับหนังสือรับสภาพหนี้โดยมีหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน หากผิดนัดไม่ชำระจะดำเนินการกับบุคคลหรือหลักทรัพย์ทันที ส่วนกรณีนายจ้างไม่มาพบตามหนังสือเชิญ สปส.จะดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่
นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปอีกว่า สปส.จะจัดส่งรายชื่อนายจ้างชำระหนี้และประวัติไม่ดีให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและเฝ้าระวังร่วมกัน หากนายจ้างต้องการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน สปส.ก็จะจัดส่งคณะทำงานเข้าช่วยเหลือด้วย
“สำหรับนายจ้างที่มีเจตนาไม่ชำระเงิน หรือไม่ใส่ใจกฎหมาย จะใช้มาตรการยึด อายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน และหากมีมูลหนี้สูงจะทำการฟ้องล้มละลาย สำหรับนายจ้างที่ปิดกิจการไปแล้ว สปส. มีมาตรการเร่งติดตามนายจ้าง เพื่อจะดำเนินการเช่นเดียวกับสถานประกอบการสถานะยังดำเนินกิจการอยู่เช่นกัน ดังนั้น นายจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม อย่าปิดบังซ่อนเร้นไม่ยอมจ่ายเงินสมทบให้ลูกจ้าง หากตรวจพบนายจ้างจะต้องจ่าย ทั้งเงินสมทบพร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของเงินสมทบที่ยังไม่นำส่ง หรือส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อลูกจ้างผู้ประกันตน ขอความร่วมมือผู้พบเห็นการกระทำดังกล่าว แจ้งข้อมูลเบาะแส ได้ที่ สปส.กรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก” เลข่ธิการ สปส.กล่าว