“รังสิมันต์ โรม” ย้ำเอาแน่ ได้เข้าสภาพร้อมแก้ รธน. ลั่นเดินหน้าต้าน คสช. พาประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย ยันผิดหวัง “เพื่อไทย” ปลุกนิรโทษกรรมเหมาเข่ง แจงซบ “อนาคตใหม่” ยึดจุดยืนตรงกัน ไม่ให้ใครหลอกใช้
นายรังสิมันต์ โรม แกนนำคนอยากเลือกตั้ง และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในรายการ “ทุบประเด็น” ทางสถานการณ์โทรทัศน์ไบรท์ทีวีช่อง 20 ว่า เมื่อเราเรียกร้องสิทธิประชาธิปไตยก็ต้องแลกมาด้วยคดีความก็มีความกลัว ปากกล้าขาสั่น แต่ที่ต้องต่อสู้เพราะจากการเรียนที่นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ก็ไม่เหมือนกันเมื่อออกมานอกก้อง จึงต้องทำให้สังคมไทยเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นตั้งแต่หลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ส่วนตนก็มีความฝันอยากเป็นนักวิชาการ แต่ถ้า 10 ปีข้างหน้าการเมืองไทยมีเสถียรภาพ ตนอยากกลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเพื่อทำงานกับอนาคต ดังนั้นอนาคตประเทศไทยจะเปลี่ยนได้ถ้าทุกคนเปลี่ยนความคิด การออกมาต่อสู้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพราะประชาชนสูญเสียอำนาจ จึงมีหน้าที่ต่อต้านตั้งแต่วันนี้
“การเลือกตั้งทำไมพูดไม่ได้ ยืนยันไม่มีใครให้เงินแม้แต่บาทเดียว เพราะมีการเปิดรับบริจาคในการทำกิจกรรมและมีการชี้แจงทุกครั้งจากเงินของประชาชน แต่จะมีนักการเมืองบริจาคหรือไม่ก็ไม่ทราบเพราะเปิดรับในบัญชี โดยยอดบริจาคที่เข้ามาของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอยู่ที่ไม่เกิน 5 แสนบาท ท่อน้ำเลี้ยงก็คือจากที่ประชาชนบริจาคเท่านั้น เพราะประเทศอยู่กับ คสช.มา 4 ปีแล้ว บอกว่าจะให้มีการเลือกตั้ง แต่ทำไมต้องถูกดำเนินคดีจากระบอบการปกครองที่กดขี่ ใครพูดเรื่องเลือกตั้งพูดประชาธิปไตยจะถูกกดขี่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า มองที่ระบบการรัฐประหาร ไม่ว่าใครก็ตามไปเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารก็ไม่มีอะไรแตกต่าง วันนี้ไม่ได้สู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แต่สู้กับระบอบรัฐประหาร หากย้อนไปดูว่าการเกิดรัฐประหารครั้งนี้มีการวางแผนอย่างดี เพราะนายกฯ ก็เคยยอมรับกับสื่อต่างประเทศแล้วว่าเตรียมการมา 6 เดือน แต่การต่อสู้ไม่เคยเห็นนักการเมืองเลย แต่ปัญหาวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากนักการเมืองอย่างเดียว แต่มาจากการวางแผนเป็นระบบว่าประชาชนเกลียดกัน ทำให้ประเทศไทยมาอยู่ในสภาพเป็นอย่างนี้
“กล้าตอบได้เลยว่าไม่ได้ถูกใครหลอกใช้ และไม่มีใครใช้ผมได้ แต่ผมอยู่ในหลักการ อยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า การชู 3 นิ้วนั้น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กำลังก็อปปี้สิ่งที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งทำมา นิ้วแรกต้องการการเลือกตั้ง นิ้วที่สองต่อต้านการสืบทอดอำนาจ และนิ้วที่สามเผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ ถ้าชูเมื่อไรคือไม่ต้องการเผด็จการและอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย โดยตนเริ่มมีบทบาททางการเมืองระดับชาติในช่วง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง แต่การที่พรรคเพื่อไทยออกมาทำผู้เสียชีวิตในปี 2553 ต้องสูญเสียโอกาสเพียงแค่ต้องการช่วยพี่ชายเข้าไปใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงได้ไปต่อต้านเพื่อไทยเรื่องนี้ ถึงแม้จะเห็นด้วยถ้าเพื่อไทยพูดเรื่องประชาธิปไตย แต่จุดยืนที่ลึกที่สุดที่ไม่เข้าร่วมกับเพื่อไทยจากเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งที่รับไม่ได้มากที่สุด เพราะเป็นเรื่องร้ายแรงที่ประชาชนที่เสียชีวิตไม่ได้รับการแก้ไขว่าคนตายต้องหาให้เจอว่าใครเป็นคนทำ ไม่ใช่ได้เงินแล้วจบ
“ไม่เคยมีความคิดเข้าเพื่อไทยตั้งแต่ต้น พ.ร.บ.เหมาเข่งทำให้ผมหมดความเชื่อมั่นจากเพื่อไทย แต่เพื่อไทยก็มีข้อดีเยอะ ตั้งแต่พ.ร.บ.สองล้นล้าน เพื่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทำให้ทุกคนมีความหวัง แต่วันนี้วามหวังจบเพราะมีรัฐประหาร”นายรังสิมันต์ ระบุ
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ตนสมัครเป็นบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ในสัดส่วนความหลากหลาย โดยพรรคนี้โดดเด่นเรื่องประชาธิปไตย และอยู่ตรงข้ามกับ คสช.จึงไม่แปลกจะเข้าร่วมกับอนาคตใหม่ นอกจากนี้ หากได้เข้าไปนั่งในสภาอยากจะรื้อรัฐธรรมนูญตั้งแต่รณรงค์โหวตโนกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพราะไม่ได้มาจากประชาชน ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำ อาทิ การเกณฑ์ทหาร ยกตัวอย่างถ้าลูกต้องไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่มีใครเลี้ยงดูพ่อแม่ก็เป็นปัญหา พอเข้าไปก็ถูกกระทืบจนเสียชีวิตก็มี โดยทางแก้ต้องเลิกเกณฑ์ทหาร ทั้งที่ไม่ทำให้เป็นทหารอาชีพ แต่กลับไปสู้กับมดรบกับหญ้า ถ้าเลิกตรงนี้ให้นำประชากรเป็นแสนคนไปทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ
“ปัญหาประเทศไทยเป็นเรื่องจัดสรรงบประมาณ ถ้าสนับสนุนได้ปัญหาความเหลื่อมล้ำจบ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่จุดจบแต่เป็นจุดเริ่มต้นการแก้ปัฐญหา หวังว่าจะพูดกันมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะหาหนทางแก้ปัญหาได้มากขึ้น แต่จากรัฐธรรมนูญที่มีคงพูดได้ยากกว่าปัญหาการเมืองจบ ตราบใดยังไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องรัฐประหารรับผิดได้ การรัฐประหารก็ยังไม่จบ เพราะกลุ่มคนบางกลุ่มไม่ยอมให้คนไทยเรียนรู้ประชาธิปไตยเพื่อแก้ปัญหา ถ้าขจัดรัฐประหารออกไปไม่ได้ ประเทศไทยจะย้ำอยู่กับที่ไปอีกนาน” นายรังสิมันต์ กล่าว