15 สิงหาคม 2562 จากกรณีที่นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมมารดาชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน เม.ย.2561 โดยกล่าวหาว่า นางมานิตย์ เต็มปักษี อายุ 47 ปี ชาวบ้านหนองไผ่ ต.เสาเดียว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ยาย พร้อมด้วย น.ส.สมศรี สายสมคุณ บุตรสาวคนโต ของนางมานิตย์ และนางฉวีวรรณ ลูกจันทร์ หลานสาวของนางมานิตย์ร่วมกันยักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 หมายเลข 412073 งวดประจำวันที่ 1 เม.ย. 2561 จำนวน 2 ใบ เป็นเงินรางวัล 12 ล้านบาท ที่นายเอ ซึ่งเป็นลูกเขยอ้างว่า ถูกรางวัลที่ 1 แล้วนำลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบ ไปฝากไว้กับนางมานิตย์ แม่ยาย ทั้งกล่าวหาว่า แม่ยายเป็นคนนำสลากไปขึ้นเงินรางวัล พร้อมทั้งได้มีการว่าจ้างทนายความยื่นฟ้องศาลจังหวัดนางรอง ให้เอาผิดกับบุคคลทั้ง 3 คนด้วย
แต่ต่อมาเมื่อเดือน ส.ค. 2561 ศาลชั้นต้นมีความเห็นยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยศาลได้วินิจฉัยว่า เป็นเพียงแค่พยานบุคคล และพยานบอกเล่า ไม่มีวัตถุพยาน หรือพยานเอกสารมายืนยัน ว่าจำเลยกระทำผิดจริง ประกอบกับพยานเอกสารจากกองสลากก็ไม่ปรากฏชื่อโจทก์ ที่สลักไว้หลังสลาก และไม่ปรากฏชื่อของจำเลย หรือญาติของจำเลยไปขึ้นเงิน ศาลจึงมีคำพิพากษายกคำร้องโจทก์ ในชั้นไต่สวน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากกองสลากฯ พบว่าผู้ที่ถูกรางวัลที่ 1 ชุดดังกล่าวที่ไปขึ้นเงินกับกองสลากฯ อยู่ที่ จ.ลำปาง และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลทั้ง 3 ที่ถูกกล่าวเลย
ล่าสุด น.ส.อิ๋ว(นามสมมติ) ลูกสาวของนางมานิตย์ ได้เดินทางกลับมาอยู่กับแม่ที่ จ.บุรีรัมย์แล้ว พร้อมได้กราบขอโทษแม่ และผู้เป็นยาย เนื่องจากสำนึกผิดกับสิ่งที่กระทำลงไป ทั้งยอมสารภาพหมดเปลือกว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง ตนกับแฟนไม่เคยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ตามที่กล่าวอ้าง และลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวก็ไม่ได้มีจริง เพราะไม่เคยซื้อเลย สิ่งที่เกิดขึ้นแฟนหนุ่มเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาเอง ซึ่งตอนนั้นก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านแฟนก็จำเป็นต้องคล้อยตาม ทั้งที่รู้มาตลอดว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวจะถูกทำร้ายหรือไล่ออกจากบ้านแฟน
น.ส.อิ๋ว ยังบอกอีกว่า ตอนที่แฟนแจ้งความ และฟ้องเอาผิด แม่ของตัวเอง ก็รู้สึกสงสารแม่มากแต่ไม่รู้จะทำยังไง อยากจะบอกความจริงแต่ก็ไม่กล้า แต่พอมาวันนี้ทนไม่ไหวเพราะถูกแฟนและครอบครัวกดดันจึงรู้สึกอึดอัด จึงตัดสินใจกลับบ้านมาบอกความจริงกับแม่และครอบครัว พร้อมทั้งมากราบขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเดือดร้อน และสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก
ด้านนางมานิตย์ ผู้เป็นแม่ บอกว่า รู้สึกดีใจที่ลูกสำนึกได้และยอมรับกับสิ่งที่ทำ แม่ก็พร้อมให้อภัยเพราะเข้าใจว่าลูกคงทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และยังเป็นเด็กอาจจะคิดไม่รอบคอบ แต่ยอมรับว่าตอนแรกโกรธมากเพราะทำให้แม่และครอบครัวต้องเดือดร้อน ทั้งที่ไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเดินทางไปโรงพัก และศาลหลายครั้ง ก็อยากให้เรื่องจบลงเร็วๆ จะได้ไปทำมาหากินเป็นปกติไม่ต้องมามัวกังวลใจอยู่แบบนี้ แต่ถึงแม้ว่าลูกจะสำนึกผิดมากราบขอโทษ แต่ก็ได้เตือนสติลูกสาวว่าอย่าทำแบบนี้อีก ขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนในชีวิต เพราะไม่ใช่แค่ตัวเองเดือดร้อนแต่ส่งผลกระทบกับหลายๆ คนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องหรือเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
