หลังเกิดเหตุตู้คอนเทนเนอร์จากรถพ่วง 18 ล้อหลุดมาทับรถยนฟอร์จูนเนอร์จนผู้ขับถูกทับร่างหวิดเสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 พ.ค. โดยเมื่อวาน(9 ต.ค.) ศาลมีคำสั่งยกฟ้องโชเฟอร์รถพ่วงในคดีขับรถโดยประมาท จนทำให้ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้อาจมีผลมาจากการทำสำนวนของตำรวจ เพราะลงวันที่เกิดเหตุผิดพลาดจากวันจริง
ภาพเหตุการณ์เมื่อวันเกิดเหตุ ขณะเจ้าหน้าที่ช่วยกันงัดร่าง นายวรวุฒิ อยู่ญาติมาก ผู้ขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน 3 กถ. 1695 กทม. หลังถูกตู้คอนเทนเนอร์ของรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกถั่วเหลือง หลุดมาทับรถยนต์ขณะขับอยู่บริเวณโค้งโรงเรียนวัดพลมานีย์ เขตลาดกระบัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องช่วยเหลือใช้เวลากว่า 1 ชม. จนงัดร่างออกมาได้เป็นผลสำเร็จ
ปัจจุบัน มีรายงานว่า ศาลมีคำสั่งยกฟ้องโชเฟอร์รถพ่วง 18 ล้อ ในความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียทรัพย์ แต่ให้ดำเนินคดี ฐานเมาสุราขณะขับรถ สั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 6,000 บาท จนทำให้นายวรวุฒิ รู้สึกว่าตนเองยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์นี้
นายวรวุฒิ เล่าว่า หลังศาลมีคำตัดสิน ตนได้เดินทางไปตรวจสอบรายละเอียดที่ สน.จระเข้น้อย ในฐานะเป็นโรงพักท้องที่ทำคดี ซึ่งพบข้อมูลว่า ในสำนวนสอบสวน มีการลงวันที่เกิดเหตุ คือ 25 พ.ค.2561 ทั้งที่แท้จริงแล้ว วันเกิดเหตุตรงกับวันที่ 27 พ.ค.2561
ทางห้างหุ้นส่วน จำกัด เค.พี.เอส. ทรานสปอร์ต ซึ่งเป็นบริษัทของคู่กรณี กลับปฏิเสธจะชดใช้ค่าเสียหายและเยียวยาค่ารักษา โดนอ้างว่าให้ไปดำเนินการฟ้องร้องทางคดีแพ่งให้เสร็จสิ้น ซึ่งตนได้เข้าพบอัยการมีนบุรี เพื่อเตรียมยื่นอุทรณ์ภายใน 30 วัน แล้ว
ด้านนาย โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า สำนวนการสอบสวนที่ระบุ วัน – เดือน – ปี ของเหตุการณ์ในคดีคลาดเคลื่อน ย่อมมีผลต่อการส่งฟ้องดำเนินคดี หากคำให้การของจำเลย หรือ โจทก์ ไม่ตรงกับสำนวน เพราะถือว่าปราศจากข้อเท็จจริง
แต่ในกรณีนี้ ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร