กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะประชาชนเลือกซื้อถุงยางที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อ สารหล่อลื่นควรเลือกที่ละลายในน้ำหรือซิลิโคนออยล์ ไม่มีส่วนผสมของ น้ำมันพืชหรือน้ำมันแร่ ทำถุงยางอนามัยเสื่อม
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา พบว่า แม้ภาพรวมสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย ในปี 2560 โดยรวมลดลง แต่หากจำแนกตามกลุ่มอายุจะพบว่า กลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-24 ปี มีอัตราการป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น ทั้งเอชไอวี ซิฟิลิส และโรคหนองใน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เพราะนอกจากปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่มีการป้องกันแล้ว ยังมีปัญหาการใช้ถุงยางอนามัยไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการใช้ไม่ถูกต้องก่อให้เกิดความเสี่ยงติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สุ่มเก็บตัวอย่างถุงยางอนามัย จากร้านขายยา ผู้แทนจำหน่าย และโรงพยาบาล ในปี 2559–2561 รวม 234 ตัวอย่าง นำมาตรวจคุณภาพ พบว่า ร้อยละ 98 ผ่านมาตรฐาน มอก. 625-2559 ตามที่ประกาศ สธ. พ.ศ. 2556 กำหนด เนื่องจากถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์
“ถุงยางอนามัยต้องมีใบอนุญาตในการผลิตหรือนำเข้า และต้องตรวจสอบคุณภาพก่อนนำออกจำหน่าย หากเป็นถุงยางอนามัยที่มีกรรมวิธีการผลิตใหม่ ต้องผ่านการทดสอบคุณภาพโดยห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบว่าถุงยางอนามัยรุ่นใดไม่เข้ามาตรฐาน ผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะไม่สามารถนำมาวางจำหน่ายได้ ประชาชนควรเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีเลขใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์ ที่ได้การรับรองจาก อย. ไม่ควรซื้อถุงยางอนามัยมาเก็บไว้นาน ๆ และควรสังเกตดูวันหมดอายุก่อนซื้อ ควรเก็บถุงยางอนามัยในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกแสงแดดหรือแสงฟลูออเรสเซนต์ ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในช่องเก็บของรถยนต์ซึ่งมีอุณหภูมิสูงในตอนกลางวัน กระเป๋าใส่ธนบัตร หรือกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะการกดทับจะทำให้ถุงยางอนามัยมีรอยรั่วหรือฉีกขาดได้”
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ควรเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำหรือซิลิโคนออยล์ (silicone oil) เช่น เค-วาย เจลลี่ , คิว-ซี เจลลี่, ดูราเจลหรือกลีเซอรีน ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันพืชหรือน้ำมันแร่ เช่น เบบี้ออยล์, น้ำมันทาผิว, ปิโตรเลียม เจลลี (petroleum jelly), น้ำมันปรุงอาหาร และน้ำมันชนิดอื่น ๆ เนื่องจากจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพ แตกขาดง่าย ทำให้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือคุมกำเนิดได้
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังมีพิพิธภัณฑ์ถุงยางอนามัย ซึ่งจัดแสดงถุงยางอนามัยยี่ห้อ และแบบต่าง ๆ ทั้งที่จำหน่ายในประเทศและนำเข้าที่ถูกส่งมาทดสอบคุณภาพตลอด 30 ปี ผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าชมได้ที่สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ (อาคาร 9 ชั้น 8) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ อำเภอเมืองจังหวัดนนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 0 2951 0000 ต่อ 99954, 99955 เวลาเข้าชมวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 9.00–16.00 น.