นี่คือภาพของหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ได้ทราบนาทีชีวิตว่าลูกสาวของตัวเองว่าต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว โดยโอมกอดร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด
โดยเหตุการณ์เศร้าสลดนี้เกิดขึ้นที่แมนชั่นแห่งหนึ่งที่บ้านด่านนอก ชายแดนไทยมาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อจู่ๆชาวบ้านได้ยินเสียงเหมือนสิ่งของตกลงมาจากตึกกระแทกหลังคาเมทัลชีทบ้านที่กำลังก่อสร้างจนทะลุและกระแทกพื้นอย่างรุนแรงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจเพราะคิดว่าคงเป็นของตกธรรมดา แต่กลับได้ยินเสียงเด็กร้องด้วยความเจ็บปวดจึงรีบวิ่งเข้าไปดูจึงพบเด็กหญิงนาเดียร์ ดอกบัวกลางอายุ 4 ขวบ กำลังนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากศรีษะแตกและร่างกายบอมช้ำอย่างหนัก ชาวบ้านจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยสำนักขามและชุดพิทักษ์เมืองด่านนอกเข้ามาทำการช่วยเหลือและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสะเดาเป็นการด่วน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเด็กเอาไว้ได้เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวเพราะตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง
จากการสอบถาม น.ส. ราณี ดอกบัวกลางอายุ 30 ปี ผู้เป็นแม่ให้การด้วยน้ำตาว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่บ้านอยู่ในแมนชั่นดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุได้ลงมาทำความสะอาดห้องพักอยู่ที่ชั้นสองของแมนชั่น โดยที่ลูกสาวนอนหลับอยู่บนชั้น 6 ซึ่งเป็นห้องเก็บของและซักรีดไม่คิดว่าจะตื่นขึ้นมารู้อีกทีก็พบว่าลูกสาวตกจากตึกชั้น 6 แล้ว
ส่วนชาวบ้านในละแวกเกิดเหตุบอกว่า ช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือนของตกมากระทบหลังคา แต่ไม่ได้เอะใจเนื่องจากคิดว่าเป็นสิ่งของตกลงมา แต่พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ จึงได้ยินเสียงเด็กร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจึงมาเปิดประตูดูก็พบร่างเด็กนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นและจากการตรวจสอบภายในห้องเก็บของเจ้าหน้าที่พบว่าหน้าต่างถูกเปิดออกและมีเก้าอี้วางอยู่คาดว่าขณะที่เด็กตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบแม่จึงได้ปีนเก้าอี้ขึ้นไปยืนตรงหน้าต่างด้วยความซุกซนจนพลัดตกลงมา