ทีมงานตำรวจท่องเที่ยว พบหญิงไทย 300 คน ถูกใช้เอกสารทางราชการ ไปจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดีย เพื่อใช้สิทธิ์อยู่ในประเทศไทย โดยที่หญิงไทยกลุ่มดังกล่าวไม่มีโอกาสรับรู้ จนกระทั่งไปจดทะเบียนสมรสและพบว่ามีการจดทะเบียนซ้อน วันนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท นำตัวผู้ต้องหามาในการแถลงข่าวด้วย
ชายชาวอินเดีย 8 ราย ที่เห็นปิดหน้าปิดตากันอยู่นี่ คือส่วนหนึ่งเท่านั้นที่จับกุมได้ ขณะที่อีกจำนวนไม่น้อยหลบหนีออกนอกประเทศไปได้ โดยทางตำรวจได้รับการร้องเรียน จากหญิงไทยหลายราย ที่พบว่าตนเองมีรายชื่อจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดีย โดยที่ตนเองไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อนและไม่รู้จักชาวอินเดียที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนสมรสแต่อย่างใด จึงได้สั่งการ ให้ชุดสืบสวน บช.ทท. และชุดสืบสวน สตม. ประสานกับ อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เพราะทราบมาว่าชาวอินเดียเหล่านี้ หลบไปพักพิงอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี จึงได้ทำการตรวจสอบ และพบว่า มีรายชื่อหญิงไทย จำนวน 300 ราย ที่อาจจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดียโดยมิชอบ หรือโดยอำพราง และต่อมา มีชาวอินเดียบางราย นำทะเบียนสมรสที่ได้ออกโดยส่วนราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ไปใช้ในการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุในการขออยู่ต่อ เพื่ออุปการะภรรยา หรือเยี่ยมคู่สมรสชาวไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จากปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมชาวอินเดีย ซึ่งเคยใช้ทะเบียนสมรสที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
วันนี้ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับหญิงสาวที่ถูกสวมทะเบียนสมรสกับชาวอินเดีย คือ นางสาวพรทิพย์ สิงห์โพธิ์ทอง อายุ 49 ปี และนางสาวธารีรัตน์ บุรากร สองพี่น้อง แม่ค้าขายทุเรียนย่าน ซอย พหลโยธิน 34 คือผู้เสียหายในสาวไทยจำนวนมาก ที่ถูกแก๊งอินเดียนำชื่อไปจดทะเบียนสมรสโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2557
นางสาวพรทิพย์ เล่าว่า ทันทีที่รู้ว่ามีชื่อจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดีย ก็รู้สึกตกใจ เพราะในชีวิตไม่เคยจดทะเบียนสมรสกับใครมาก่อน // กระทั่ง เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ตำรวจโทรศัพท์มาสอบถามว่าเธอจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดียเมื่อปี 2557 หรือไม่ // เธอจึงรู้ตัวว่ามีคนแอบนำชื่อไปสวมจดทะเบียนสมรส เธอก็ลองมาทบทวนดูว่า ชื่อของเธอจะถูกนำไปสวมได้อย่างไร // ก็นึกขึ้นได้ว่า ตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอได้กู้ยืมเงินจากชาวอินเดียคนหนึ่ง ซึ่งคนแถวนั้นเรียกกันว่า บังแก่ โดยทุกครั้งจะมีการขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชนเป็นหลักฐานทำสัญญากู้ยืมเงิน แต่ที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยเอะใจ อะไร // จึงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะบังแก่คนนี้แหละ
ขณะที่ ธารีรัตน์ บุรากร น้องสาวของพรทิพย์ หนึ่งในผู้เสียหายอีกคน บอกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก และแปลกใจว่าชื่อของเธอและพี่สาวถูกนำไปแอบอ้างจดทะเบียนได้อย่างไร แต่ก็สงสัยว่า บังแก่ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว เพราะพบว่าผู้เสียหายหลายคนส่วนใหญ่เคยกู้ยืมเงินจากบังแก่
ทีมข่าวไบรท์นิวส์ ลงพื้นที่พยายามตามหา บังแก่ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่จากการสอบถามชาวบ้าน ส่วนใหญ่ไม่มีใครให้ข้อมูล และบอกว่า ไม่รู้จักคนชื่อนี้
สำหรับ ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อถูกสวมทะเบียนสมรสปลอม
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ก็บอกว่า ได้ไปทำการเพิกถอนการจดทะเบียนสมรส ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำนวน 13 ราย และอยู่ในระหว่างการประสานติดตามผู้ที่มีรายชื่อตกเป็นคู่สมรสโดยที่ตนเองไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เพื่อดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป