รมว.คมนาคม-รมว.คลัง เผย “บินไทย” จำเป็นต้องจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำ 1 แสนล้านบาท เพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่ปลดระวาง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยกรณีที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสศช.) ให้บริษัท การบินไทย (THAI) ส่งข้อมูลเพิ่มเติมกรณีเสนอจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำ มูลค่า 1 แสนล้านบาท ว่า สศช.ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยืนยันว่าการบินไทยจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินเพิ่มเข้ามา จำนวน 23 ลำเพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่จะถูกปลดระวางจำนวน 23 ลำเช่นกัน
“การบินไทยจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินใหม่ที่จะนำไปทดแทนเครื่องเก่า แต่เนื่องจากสภาพัฒน์ให้ข้อสังเกตุเรื่องฐานะทางการเงินก็กลับมาทบทวน ซึ่งบอร์ดการบินไทยก็ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม”นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยยังคงจำนวนฝูงบินอยู่ที่ 100 ลำ ไม่ได้มีการขยายฝูงบินเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งที่ๆมีความต้องการของตลาดในชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง ซึ่งสามารถทำกำไรให้บริษัทได้ โดยการบินไทยจะทยอยเพิ่มจำนวนเครื่องบิน หากผลประกอบการดีขึ้น
นายอภิศักดิ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า สศช.ไม่ได้มีปัญหาอะไร หากการบินไทยจะจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำ เพียงแต่ สศช. ต้องการดูแผนเรื่องค่าใช้จ่าย และแผนการหารายได้ที่ละเอียดและชัดเจนก่อน ส่วนกระทรวงการคลังก็ไม่ได้ห้ามการซื้อเครื่องบินใหม่เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นความจำเป็นของบริษัท เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากิน และอยู่ในแผนการลงทุนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 100,000 ล้านบาท
“กรอบการลงทุนในการจัดซื้อเครื่องบิน รวมเครื่องยนต์และอุปกรณ์ภายในเครื่องบินดังกล่าว บรรจุในแผนลงทุน 5 ปี ระหว่างปี 2561-2565 ของการบินไทยด้วย ซึ่งดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิกาณ สศช. ได้บอกว่าไม่มีความขัดข้องในเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าว และการแสดงความเห็นดังกล่าวจาก สศช. นั้นถือเป็นเรื่องปกติ”นายอภิศักดิกล่าว
นายอภิศักดิ กล่าวว่า การบินไทยจำเป็นต้องซื้อฝูงบินใหม่ตามแผนการเป็น National Premium Airline เนื่องจากหากไม่ซื้อเครื่องบินใหม่จะเกิดปัญหา 2 อย่างคือเครื่องบินเก่าจะมีค่าบำรุงรักษาสูงกว่าเครื่องบินใหม่ และเครื่องบินเก่าอาจทำให้ลูกค้าไม่ใช้บริการจนทำให้เสียลูกค้าไป เพราะลูกค้าชอบที่จะใช้บริการสายการบินที่ให้บริการด้วยเครื่องบินใหม่มากกว่าสายการบินที่ให้บริการด้วยเครื่องบินเก่า
“การซื้อเครื่องบินใหม่เป็นแผนการยกระดับตัวเองการบินไทยเอง เพื่อไปสู่เป้าหมายของการเป็น National Premium Ariline และหากต้องรอให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก่อนก็จะทำให้การบินไทยได้รับผลกระทบได้” นายอภิศักดิ์กล่าว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วันนี้ (12 ก.ย.) ว่า ที่ประชุม คนร.รับทราบแผนจัดซื้อเครื่องบิน 23 ลำของบริษัท การบินไทย แล้ว ซึ่งการบินไทยระบุว่า จะนำเสนอแผนการจัดหาเครื่องบินให้ตนฟังอีกครั้งระหว่างการตรวจเยี่ยมการบินไทยในวันที่ 20 ก.ย.นี้
“เรื่องของการมีฝูงบินใหม่มีความจำเป็น เพราะการแข่งขันแข่งที่ตัวเครื่องบิน ส่วนการซื้อแบบไหนต้องสอดรับกับแผน และได้แนะนำว่าต้องสร้างพันธมิตรทางการบินทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าการซื้อฝูงบินเป็นเรื่องที่ต้องทำ เรื่องการเงินไม่ใช่ปัญหา เพราะรัฐบาลอยู่ข้างหลังอยู่แล้ว”นายสมคิดกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคนร.ยังเห็นชอบให้ควบรวมกิจการของ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม เข้าไว้ด้วยกัน แล้วตั้งเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านโทรคมนาคมของประเทศ เพราะในอนาคตเรื่องดังกล่าวจะมีการแข่งขันที่สูงมาก ดังนั้น การควบรวมกิจการของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง จึงมีความจำเป็น เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร และทำให้ประเทศได้ประโยชน์ด้วย