ปิดตำนาน! 102 ปี สนามม้านางเลิ้ง หลังจัดแข่งม้าเป็นนัดสุดท้าย ก่อนที่จะปิดตำนานลงในสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยเพิ่มเงินรางวัลให้กับเจ้าของม้าที่มาแข่งในนัดสุดท้าย ท่ามกลางประชาชนเข้าชมการแข่งม้านัดประวัติศาสตร์
ผู้ดูแลทยอยนำม้าเข้าสู่สนามม้านางเลิ้ง หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นการแข่งนัดสุดท้ายของสนามม้านางเลิ้ง ทำให้มีผู้มารอซื้อบัตรเข้าชมกันตั้งแต่เช้า ส่วนบรรดาจ๊อกกี้ที่จะร่วมแข่งในนัดสุดท้ายก็ได้มาร่วมกันถ่ายภาพ เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์หน้าสุดท้ายของสนามม้านางเลิ้งร่วมกัน
โดยพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ รองประธานอำนวยการราชตฤณมัยสมาคมฯ กล่าวว่า การแข่งม้านัดสุดท้ายได้เพิ่มม้าเที่ยวละ 15 ตัว จากปกติแข่งกันเที่ยวละ 14 ตัว รวมทั้งจะมอบเงินรางวัลอันดับที่1 ,อันดับที่2 และ3 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ให้กับม้าแข่ง ,จ๊อกกี้ และคนเลี้ยงม้า รวมทั้งเพิ่มรางวัลให้กับม้าทุกตัวที่ร่วมแข่ง
เนื่องจากการแข่งม้าที่สนามม้านางเลิ้งจะจัดแข่งเฉพาะวันอาทิตย์ และสลับกันแข่ง และพักอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ทำให้วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายนนี้ จะเป็นการแข่งนัดสุดท้าย ก่อนที่ในวันที่ 28 กันยายน บรรดาร้านค้าที่ประกอบกิจการจะต้องเก็บของทั้งหมด เพื่อส่งมอบพื้นที่คืนให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้
นับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้แจ้งบอกเลิกสัญญา โดยสัญญาฉบับสุดท้ายทำกันไว้เมื่อเดือนกันยายน 2542 แบ่งเป็น อัฒจันทร์ดูม้า 5 ชั้น อาคารจอดรถ 6 ชั้น2 หลัง 30,000 บาท ตึกอำนวยการ 5 ชั้น 10,000 บาท อาคารชั้นเดียว อาคารสโมสรพร้อมสระว่ายน้ำ 10,000 บาท หรือ รวมคิดค่าเช่าเพียงเดือนละ 50,000 บาท แต่เนื่องจากกิจการขาดทุน จึงค้างค่าเช่ามานาน ซึ่งพลเอกบุญเลิศ บอกว่า คณะกรรมการจะหารือกันในวันที่ 20 กันยายน ว่าจะหาที่เช่าใหม่เพื่อแข่งม้า หรือจะยุติการดำเนินงานเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้มีคนสนใจแข่งม้าน้อยลง
สำหรับราชตฤณมัยสมาคม ก่อตั้งโดย พระยาประดิพัทธภูบาล และพระยาอรรถการประสิทธิ์ ทำหนังสือขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก่อตั้งสโมสรสนามม้าแข่งเพื่อบำรุงพันธุ์ม้า โดยถวายที่ดินของกรมอัศวราชเป็นสถานที่แข่งขัน ซึ่งต่อมามีพระบรมราชานุญาตพร้อมพระราชทานนามว่า “ราชตฤณมัยสมาคม” และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มาบำรุงพันธุ์ม้า
นอกจากนี้สถานที่ดังกล่าวยังเป็นสถานที่สำคัญต่อการเมืองไทยในหลายยุคหลายสมัยอาทิ ในสมัยรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ซึ่งได้ใช้ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยเป็นสถานที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติที่มีจำนวน 2,347 คน เป็นที่มาของฉายา “สภาสนามม้า”