นายกฯ-สภาธุรกิจยุโรปฯ หนุนฟื้นการเจรจาเอฟทีเอ “อาเซียน-อียู” เตรียมเยือนเยอรมนี ต.ค.นี้ หารือนักธุรกิจเปิดเจรจาเอฟทีเอ พร้อมย้ำเลือกตั้งต้นปี 62
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) วันนี้ (20 ก.ย.) ว่า ผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป หยิบยกประเด็นเรื่องการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน -อียู และเอฟทีเอไทย-อียู ขึ้นมาหารือ หลังจากการเจรจาหยุดชะงักไปนาน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะเจรจาเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในเดือนต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางเยือนเยอรมนี เพื่อเชิญชวนนักธุรกิจเยอรมนีให้เข้ามาลงทุนในไทย รวมทั้งจะหารือถึงการทำเอฟทีเออาเซียน-อียู และเอฟทีเอไทย-อียูด้วย ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิทปี 2562 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ มีผู้นำจากยุโรปอย่างน้อย 2 คนที่ตอบรับมาร่วมประชุมแล้ว คือ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานนาธิบดีฝรั่งเศส และนางเทเลซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยจะมีการหยิบยกเรื่องการเจรจาเอฟทีเอมาหารือเช่นกัน
“ผลการสำรวจกลุ่มนักธุรกิจของอียูกว่า 98% อยากให้มีเอฟทีเออาเซียน-อียู ขณะที่ส่วนใหญ่ระบุว่า ประเทศในอาเซียนที่อียูควรมีการทำเอฟทีเอด้วยมากที่สุดก็คือประเทศไทย เนื่องจากเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย โดยธุรกิจที่ให้ความสนใจมาลงทุนในไทยเป็นอันดับต้นๆก็คือธุรกิจธนาคาร ประกันภัย ธุรกิจยา และรถยนต์”นายกอบศักดิ์กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ระหว่างการหารือพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับคณะผู้แทน EU-ABC ว่า ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลได้บริหารประเทศโดยยึดตาม Roadmap เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงต้นปี 2562 รวมทั้งเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคเอกชนสหภาพยุโรป ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย
โดยผู้บริหารระดับสูงบริษัท BMW ในฐานะผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ประกาศส่งเสริมนวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ ทั้งรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้ตอบรับนโยบาย Thailand 4.0 โดยได้ให้ความร่วมมือกับผู้ประกอบการภายในประเทศ ในการพัฒนาเครื่องยนต์ และส่วนประกอบ โดยไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคนี้
ด้านผู้แทนจาก SWIFT ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกรรมด้านการเงิน ได้กล่าวสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ว่าได้ถูกกำหนดในช่วงเวลาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่ง SWIFT ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ SMEs ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ขณะที่ HSBC ในฐานะกลุ่มธนาคาร กล่าวว่า ภาคการธนาคารพร้อมสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนที่เกี่ยวข้องภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 และ โครงการ EEC ส่วนกลุ่ม Bayer ซึ่งประกอบอุตสาหกรรมการเกษตร พร้อมที่จะสนับสนุนภาคการเกษตรของไทย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาและวิจัย และพร้อมพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าเกษตรของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
สำหรับคณะนักธุรกิจที่เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ ประกอบด้วย ผู้แทนจากบริษัทข้ามชาติของยุโรป ซึ่งมีสำนักใหญ่ตั้งอยู่ที่ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ในภาคธุรกิจเครื่องดื่ม ยาและเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ การเงิน การธนาคาร ประกันภัย ยานยนต์ โลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ และบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจ