“สนธิรัตน์” มอบนโยบาย “ทูตพาณิชย์” ผลักดันการส่งออก มั่นใจส่งออกปีนี้โต 8% พร้อมสั่งกระชับสัมพันธ์นักธุรกิจรายใหญ่ในประเทศที่รับผิดชอบ หวังให้เป็นแนวร่วมในการส่งเสริมการค้า
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 64 แห่งทั่วโลก ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ทูตพาณิชย์ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เบื้องต้นที่ประชุมประเมินว่า การส่งออกไทยปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8%
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การประชุมทูตพาณิชย์วันนี้ ได้ประเมินแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยมั่นใจว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8% แน่นอน หรือมีมูลค่าส่งออก 255,565 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกันนั้น ที่ประชุมได้ประเมินแนวโน้มการส่งออกหน้า ซึ่งจะประเมินจากภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้า ผลกระทบสงครามการค้า ราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน ก่อนตั้งเป้าหมายส่งออกในปี 2562 ต่อไป
“ประเด็นสำคัญในวันนี้ต้องการให้ทูตพาณิชย์ปรับ Mindset ในการทำงาน โดยจะต้องเน้นผลลัพธ์ หากมีปัญหาหรืออุปสรรคขอให้รายงานมา พร้อมทั้งมีแนวทางหรือข้อเสนอแนะในการแก้ไข ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะช่วยผลักดันในระดับนโยบาย ทั้งนี้ เห็นว่าแต่ละตลาดต้องมียุทธศาสตร์การเจาะตลาดที่เหมาะสมเป็นรายประเทศ มีเป้าหมายที่ชัดเจน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”นายสนธิรัตน์กล่าว
พร้อมกันนั้น ตนได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ประเมินโอกาสและเร่งจัดทำแผนผลักดันการขยายธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการที่สามารถเชื่อมโยงกับสินค้าและบริการอื่นๆอีกมาก รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ทุกแห่งกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าและนักธุรกิจรายสำคัญในประเทศเขตดูแลของตน เพื่อสร้างแนวร่วมในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาทางการค้า
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ติดตามและประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการมองหาโอกาสทางการค้าที่จะเกิดขึ้นให้กับสินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีศักยภาพอยู่แล้ว และสามารถส่งออกไปทดแทนสินค้าที่ถูกกำแพงภาษีได้ เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้าเกษตร
สำหรับการส่งออกของไทยในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) ไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้า 169,030 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน