ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ จี้ภาครัฐเร่งออกกฎหมายกำกับดูแล “ตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ” หวั่น “ผู้ซื้อ-ผู้ขาย” โดนเอาเปรียบ หลังกฎหมายดองมานานกว่า 26 ปี
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยมีมูลค่า 6.2% ของจีดีพี โดยแต่ละปีจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย 3.2-3.7 แสนหน่วย มูลค่า 6.5-7.5 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นที่อยู่อาศัยมือสอง 45-50% หรือมีการโอนกรรมสิทธิ์ 1.5-1.8 แสนหน่วย มูลค่า 2.5-3 แสนล้านบาท
ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและพื้นที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนที่นิยมหาที่อยู่อาศัยในเมือง เพื่อลดภาระและเวลาในการเดินทางจากชานเมืองเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หรือไลฟ์สไตล์ของคน GEN-Y หรือ GEN-Z ที่นิยมอยู่ใกล้รถไฟฟ้าหรือห้างสรรพสินค้า หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งต่างชาติที่มีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในไทย
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยกลับยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลอาชีพตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นคนกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เป็นการเฉพาะเช่นเดียวกับต่างประเทศ ส่งผลให้คนไทยจำนวนไม่น้อยและต่างชาติ เข้ามาประกอบอาชีพตัวแทนนายหน้าอิสระ โดยเห็นเป็นเพียงโอกาสที่จะสร้างรายได้เท่านั้น แต่ขาดความรู้ และมีการทำงานที่ไม่มีมาตรฐานและจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพในด้านนี้
“หลายกรณีตัวแทนนายหน้าที่ไม่มีมาตรฐาน และจรรยาบรรณ ได้ก่อให้เกิดผลเสียแก่ผู้ต้องการซื้อ และผู้ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง อีกทั้งตัวแทนนายหน้าอิสระไม่ต้องแสดงรายได้เพื่อเสียภาษี ทำให้ภาครัฐเสียรายได้ รวมทั้งเป็นช่องโหว่เรื่องการฟอกเงิน เพราะพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ กำกับดูแลเฉพาะการประกอบกิจการของนายหน้าฯนิติบุคคล”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย ยังกล่าวว่า กฎหมายตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย ทั้งนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เคยผลักดันให้มีกฎหมายในการกำกับดูแลอาชีพตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2535 แต่ผ่านไป 26 ปีแล้ว ประเทศไทยก็ยังไม่มีกฎหมายในการใช้กำกับดูแลอาชีพตัวแทนนายหน้าเลย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน
“สหรัฐฯมีกฎหมายกำกับดูแลอาชีพตัวแทนนายหน้าฯมาตั้งแต่ปี 2466 ส่วนประเทศรอบข้างเราอย่างมาเลเซีย มีกฎหมายลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2524 ฟิลิปปินส์ มีตั้งแต่ปี 2552 สิงคโปร์ มีตั้งแต่ปี 2553 ส่วนกัมพูชา เพิ่งออกกฎหมายและบังคับใช้เมื่อไม่นานมานี้เอง ขณะที่เวียดนามและเมียนมาร์ กำลังดำเนินการจัดทำกฎหมายดังกล่าวขึ้นมา”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย ย้ำว่า ธุรกิจอสังหริมทรัพย์ของไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่ที่อยู่อาศัยมือสอง มีปริมาณการซื้อและขายขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้ตัวแทนนายหน้าฯมากขึ้น ดังนั้น กฎหมายกำกับดูแลอาชีพตัวแทนนายหน้าไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว และจะเป็นเครื่องมือในการควบคุมให้ตัวแทนนายหน้าได้ทำหน้าที่ของตนอย่างมีความรู้ และมีจริยธรรมตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้น รวมทั้งทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีความยั่งยืน