“ธนาคารโลก” เผยอันดับความยาก-ง่ายประกอบธุรกิจของไทยได้อันดับที่ 27 ลดลง 1 อันดับจากปีก่อน แต่คะแนนรวมดีขึ้น
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยว่า ธนาคารโลกประกาศผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ ปี 2562 (Doing Business 2019) พบว่าไทยอยู่อันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศทั่วโลก โดยอันดับของไทยลดลง 1 อันดับ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่อันดับ 26 เนื่องจากมีการปรับหลักเกณฑ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะในอาเซียน พบว่าไทยอยู่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศรองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย
นายปกรณ์ กล่าวว่า แม้ว่าอันดับของไทยจะลดลง แต่คะแนน Ease of Doing Business Score (EODB) ทุกด้านอยู่ที่ 78.45 คะแนน สูงกว่าปีก่อนที่ได้ 77.39 คะแนน โดยผลคะแนนการอำนวยความสะดวกการประกอบธุรกิจดีขึ้น 7 ด้าน ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนทรัพย์สิน การคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ และด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย
“คะแนนการขอใช้ไฟฟ้าของไทยพัฒนาโดดเด่นที่สุด โดยปีนี้ติดอันดับ 6 ของโลก จากปีที่แล้วอันดับ 13 ซึ่งสะท้อนความพยายามอย่างต่อเนื่องในการปฏิรูปภาครัฐ และการผลักดันของรัฐบาลในการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาครัฐและการปฏิรูป เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทำให้ศักยภาพการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทยเทียบเท่ากับประเทศชั้นนำของโลก”นายปกรณ์ระบุ
นายปกรณ์ ยังกล่าวว่า นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการประชาชน การลดการขอสำเนาเอกสารทางราชการที่ไม่จำเป็นได้ และดำเนินการขออนุญาตประกอบธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ จะช่วยให้อันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยในปีถัดไปดีขึ้น ขณะที่ ก.พ.ร.กำลังพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลหลังบ้านของภาครัฐ และเร่งปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบเพื่อลดขั้นตอน
นางมารา วาร์วิค ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย บรูไน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ กล่าวว่า แม้ว่าอันดับความยากง่ายในการเริ่มต้นธุรกิจ ปี 2019 ของไทย จะลดลง 1 อันดับ แต่ไทยได้รับคะแนนรวมเพิ่มขึ้นเป็น 78.45 คะแนน จากปีก่อนที่ได้ 77.39 คะแนน แสดงให้เห็นว่าไทยมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการเอกชนทำธุรกิจในประเทศให้ดีขึ้นและง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังระบุในรายงานถึงการปฏิรูปสำคัญของประเทศไทยอีก 4 ด้าน พบว่า 1. ด้านเริ่มต้นธุรกิจ ไทยได้ปรับปรุงค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัทจำกัดใหม่เป็นแบบอัตราคงที่ (flat rate) ในอัตราเดียว คือ 5,500 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการเสียค่าธรรมเนียมถูกลง
2.ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ไทยได้ปรับกระบวนการในการเสนอ และพิจารณาค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) ให้สามารถเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงอัตราค่า Ft แก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 รอบการชำระเงิน ส่งผลให้ค่าดัชนีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลสูงขึ้น
3.ด้านการชำระภาษี ไทยสามารถลดระยะเวลาที่ใช้ในการยื่นภาษีนิติบุคคลลง จาก 156 ชั่วโมง เหลือ 123 ชั่วโมง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาโปรแกรม Spreadsheet สำหรับช่วยคำนวณรายการรายจ่ายทางภาษีสำหรับนิติบุคคล ที่ยื่น ภ.ง.ด. 50 ทั่วประเทศ ให้ง่าย รวดเร็ว และถูกต้องตามกฎหมายมากยิ่งขึ้น
และ4.ด้านการค้าระหว่างประเทศ ไทยเปิดให้บริการระบบการตัดบัญชีใบกากับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) เต็มรูปแบบ ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window: NSW) ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสารการส่งออก ซึ่งส่งผลต่อระยะเวลาที่ใช้ในการส่งออกสินค้าผ่านแดนในภาพรวม