บุ๋ม ปนัดดา นำเหยื่อหมอสูติฯกระทำอนาจารร้องผบ.ตร. ขอโอนคดีมากองปราบฯ มั่นใจมีหลักฐานเอาผิด เผยคุยทนายเดชาและอัจฉริยะแล้ว
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เมื่อเวลา 10.50 น. ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ บุ๋ม ในฐานะประธานองค์กรทำดี น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า พร้อมผู้เสียหายที่ถูกนายแพทย์ชื่อดังในจังหวัดนครสวรรค์ข่มขืนกระทำชำเรา ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เป็นผู้แทนรับหนังสือ
ดร.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นหนังสือต่อ ผบ.ตร.ครั้งนี้ เพื่อให้ช่วยติดตามดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เพราะที่ผ่านมามีข้อมูลของผู้เสียหายหลุดออกมาตามสื่อ ซึ่งข้อมูลที่หลุดออกไปนั้น ตนเห็นจากสื่อว่าตำรวจเป็นผู้นำมาเปิดเผย ถือเป็นการทำร้ายผู้เสียหายซ้ำแล้วซ้ำอีก และเมื่อผู้เสียหายอยากจะต่อสู้ตนก็อยากให้มั่นใจว่า จะไม่มีข้อมูลหลุดออกไปอีก ตนต้องการให้โอนคดีมาที่กองปราบฯ เนื่องจากผู้เสียหายไม่ได้อยู่ในจังหวัดนครสวรรค์เท่านั้น แต่อยู่ในจังหวัดอื่นๆ และจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนตกใจ ซึ่งไม่รู้ว่าคดีนี้จะจบอย่างไร แต่อย่างน้อยสังคมต้องรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ และประชาชนควรต้องรู้สิทธิของผู้ป่วยในการตรวจรักษา ว่าต้องมีพยาบาลอยู่ด้วย ทั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและเพื่อชื่อเสียงของแพทย์ เมื่อถูกลวนลามกระทำชำเรา ต้องไปตรวจร่างกายทันทีภายใน 24 ชม.ไม่ว่าจะแจ้งความหรือไม่ ขอให้ไปตรวจร่างกายไว้ก่อน และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นทุกคนต้องปกป้องสิทธิของตนเอง ถึงขณะนี้จำนวนผู้เสียหายสูงถึง 40-50 คน บางคนไม่ได้แจ้งความเพราะขาดอายุความไปแล้ว แต่บุคคลเหล่านี้ยินดีจะมาเป็นพยานให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดผู้เสียหายบางคนเมื่อถูกกระทำจึงกลับไปตรวจที่เดิมอีกเป็นครั้งที่สอง ดร.ปนัดดา กล่าวว่า ทราบว่ามีประเด็นบางอย่างที่สังคมยังสงสัย แต่ข้อมูลส่วนนี้ขอให้เป็นข้อมูลในชั้นศาล เพราะเป็นหลักฐานสำคัญที่พูดไม่ได้ ส่วนที่เกรงว่าผู้เสียหายอาจเข้าใจผิดในกระบวนการตรวจของแพทย์นั้น หากไปหาหมอสูติฯ แล้วหมอบีบหน้าอก ไซร้ซอกคอ จะเรียกว่าเป็นการตรวจรักษาหรือไม่ ซึ่งผู้หญิงหลายคนที่ถูกกระทำไม่กล้าที่จะออกมาพูดหรือแจ้งความ เพราะบางคนมีสามี มีครอบครัว เมื่อมีผู้เสียหายจำนวนมากจึงกล้าที่จะออกมาสู้ด้วยกัน
“ดิฉันไม่ได้ต้องการพื้นที่สื่อ แต่ต้องการเอาชื่อเสียงของตัวเองมาเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้หญิงที่ถูกกระทำ ในสังคมมีผู้หญิงกว่า 80% ที่ไม่กล้าแจ้งความ เพราะถูกซักแบบที่ดิฉันโดนแบบนี้ นอกจากนี้อยากฝากถึงแพทย์ทุกท่าน อย่าให้หมอหนึ่งคนทำให้หมอทั้งหมดเสียหาย ในทุกอาชีพมีดีและไม่ดีปะปนกันอยู่ ต้องแยกแยะ และอย่าช่วยเหลือคนไม่ดี ดิฉันเข้าใจว่าแพทย์ทำงานหนักและขออย่าท้อ” ประธานองค์กรทำดีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกระบวนยุติธรรมอาจอ้างได้ว่าเป็นขั้นตอนแพทย์ ดร.ปนัดดา กล่าวว่า การสอบสวนเป็นขั้นตอนและกระบวนการของตำรวจ แต่เรามั่นใจเพราะมีหลักฐานบางอย่าง และยืนยันว่าการล่วงละเมิดไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ซึ่งผู้เสียหายมีทั้งถูกอนาจารและล่วงละเมิด จึงขอให้เป็นเรื่องของการสืบหาข้อเท็จจริงตามกระบวนการ
ส่วนกรณีทีมีทนายหลายคนออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ดร.ปนัดดา กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ นายเดชา กิตติวิทยานนท์ และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แล้ว ส่วนของนายเดชามีคำตอบให้ แต่ขอให้อยู่ในชั้นศาล และหากมีพลังก็อยากให้มาช่วยกัน ส่วนนายอัจฉริยะก็ได้พูดคุยกันเบื้องต้น ว่าทนายจะลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับหมอและตำรวจ แต่ไม่ได้คุยกับผู้เสียหาย ก็ไม่เป็นธรรม ตนอยากให้มองว่าเป็นการทำงานเพื่อสังคม ไม่ใช่การเอาหน้า ใครอยากช่วยก็ยินดีให้เข้ามาร่วมกัน
ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า จากนี้จะต้องพิจารณาหนังสือที่ได้รับมา ว่ามีประเด็นไหนที่ผู้เสียหายและ ดร.ปนัดดามีข้อสงสัย และสามารถดำเนินการเรื่องใดได้บ้าง ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่นาน และต้องพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข ซึ่งถึงแม้ผู้เสียหายมีจำนวนมากก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล ส่วนการเสนอข่าวฝากสื่อมวลชนว่าต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 15.00 น. นายอัจฉริยะจะลงพื้นที่ไปยังคลินิกจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวด้วย