รายงานพิเศษ : นับ 20 วันจังหวะก้าว “พลังประชารัฐ” จัดขุมกำลังสยายปีก “บิ๊กคอนเนคชั่น”
การก่อตัวของ “พลังประชารัฐ” เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา กลายเป็นพรรคการเมืองหน้าใหม่ทำคะแนนทิ้งความสนใจจากพรรคการเมืองหน้าเก่าไปไม่น้อย เมื่ออดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตนักการเมืองท้องถิ่น หรือกลุ่มก้อนคนรุ่นใหม่ ตบเท้าเข้าเซ็นต์ใบสมัครสมาชิกพลังประชารัฐอย่างพร้อมเพรียง
ทำให้ที่ทำการพรรคย่านประชานุกูลเป็น “แลนด์มาร์ค” ทางการแห่งใหม่ของระดับบุคคล “วีไอพี” ไปจนถึงหัวคะแนนผู้นำท้องถิ่น จากวันแรกสู่วันที่สอง สาม สี่ ยิ่งเป็น “แม่เหล็ก” ให้ทุกขั้วทางการเมืองไหลรวมตัว เพื่อเกาะกลุ่มสร้างขุมกำลังอย่างคึกคักตลอด 20 วัน ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) รับรองเป็นพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์
โดยเฉพาะฝั่ง “อดีตส.ส.เพื่อไทย” กว่า 40 ชีวิตได้สวิงขั้วการเมือง 360 องศา ในภาวะการณ์ฝุ่นตลบภายในพรรคอย่างรุนแรง พุ่งเป้าไปที่ท่าที “เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์” บุตรชาย นายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกในคดีจำนำข้าว ทั้งที่เพิ่งเปิดตัว “กลุ่มคนรุ่นใหม่” กับเพื่อไทยได้เพียงไม่นาน 
หากย้อนไปตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า นักการเมืองหลายคนกำลังวิ่งไปสู่ “ไพ่” และกฏแห่ง “พลังดูด” เริ่มตั้งแต่การเปิดตัว “กลุ่มสามมิตร” นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายอนุชา นาคาศัย หอบสมาชิก 60 คน เข้ามาร่วมพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายก อบจ.สุโขทัย และอดีต รมช.สาธารณสุข นายภิญโญ นิโรจน์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรมช.ศึกษาธิการ นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล อดีต ส.ส.สุโขทัย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พล.อ.สมชาย วิษณุวงษ์ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี
กระทั่งการเข้ามาของนายฐานิสร์ เทียนทอง หลานนายเสนาะ เทียนทอง แกนนำคนสำคัญ จ.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย หรือตระกูล “คุณปลื้ม” ที่ยึดพื้นที่ชลบุรีมายาวนาน ยังมีกลุ่มภาคอีสานของนายสุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทย กลุ่มนายวิรัช รัตนเศรษฐ กลุ่มนายเอกราช ช่างเหลา ตระกูล “จงสุทธนามณี” แห่ง จ.เชียงราย ที่สำคัญเสริมทัพชุดใหญ่จากกลุ่ม “บ้านริมน้ำ” นำโดยนายสุชาติ ตันเจริญ นอกจากนี้ยังมีอดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายธวัชชัย อนามพงษ์ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” นำโดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รวมทั้งการตัดสินใจย้ายพรรคของนายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันยังมีกลุ่ม “กำแพงเพชร” ของนายวราเทพ รัตนากร กลุ่ม “เพชรบูรณ์” ของนายสันติ พร้อมพัฒน์ กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลุ่มโคราช กลุ่มขอนแก่น กลุ่มวิชาการ-สตาร์ทอัพ สายนายอุตตม สาวนายน
ยังพบชื่อ นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย ไม่เว้นแต่นายมานิต นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย มาสมัครสมาชิกพรรค ก่อนเส้นตาย “26 พ.ย.” เพียงไม่กี่วัน โดยเฉพาะจากซีกตระกูล “อัศวเหม” นักการเมืองท้องถิ่นแห่งปากน้ำ ก็ไม่พลาดจะร่วมงาน
ส่วนที่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย ไม่พ้นการเปิดตัว “มาดามเดียร์” นางวทันยา วงษ์โอภาสี อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดอายุ 23 ปี และผศ.ดร.ณพงศ์ นพเกตุ อดีต “ผอ.นิด้าโพล” ผันตัวจากนักวิชาการมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
ที่สำคัญก่อนที่พลังประชารัฐจะมาถึงหลักไมล์นี้ ยังมีคนรุ่นใหม่ นักวิชาการ ที่ผ่านการ “ดีลลับ” เตรียมพร้อมระดมสรรพกำลัง ปลุก “พลังประชารัฐ” ผ่านเครือข่ายเป็น “บิ๊กคอนเนคชั่น” ทั้งโครงสร้างนักการเมือง กลุ่มทุนในหลายทุกวงการ ขีดเส้นใต้ 3 เส้นไปที่การ “ตัดกำลัง” จากฝั่งเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงในช่วง “ทักษิณ” อ่อนแอ จนถึงกระแสข่าวมีการ “บีบ-ต่อรอง-ช่วยเหลือ” เพื่อแลกกับการสลับข้างในครั้งนี้
ใครจะเชื่อว่าระยะเวลา 20 วัน นับตั้งแต่ 6 พ.ย.ถึง 26 พ.ค. “พลังประชารัฐ” จะเติบโตก่อตัวเป็นพรรคขนาดใหญ่ได้เพียงไม่นาน ทุกจังหวะแห่งการเสริมกำลัง ทุกจังหวะก้าวการจัดกำลังพล ถูกตั้งเป้าไว้ที่คะแนนส.ส.บนหน้าตัก ก่อนถือฤกษ์เตรียม “เทียบเชิญ” บุคคลปริศนา ให้มาอยู่ในบัญชีนายกฯ ในอีกไม่ช้า !!!
