ฝรั่งเศสประกาศ 14 จุดอันตราย “ม็อบเสื้อกั๊กเหลือง” ยังระอุ รัฐบาลวางกำลังเจ้าหน้าที่เกือบ 9 หมื่นนายดูแลทั่วประเทศมากที่สุดในประวัติการณ์ และเตรียมใช้ยานยนต์หุ้มเกราะในกรุงปารีสเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ขู่ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดหากผู้ชุมนุมบุกทำเนียบ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ว่า นายคริสตอฟ คาสตาเนอร์ รมว.กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส แถลงเมื่อวันศุกร์ ประกาศ “14 จุดอันตราย” ในกรุงปารีส ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหตุรุนแรงตลอดวันที่ 8 ธ.ค. ระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในนาม “แนวร่วมเสื้อกั๊กสีเหลือง” กับตำรวจปราบจลาจล โดยยืนยันว่ารัฐบาลวางกำลังตำรวจมากกว่า 8,000 นายในเมืองหลวง ซึ่งสถานที่สำคัญทุกแห่งปิดให้บริการตลอดทั้งวันนี้ (8 ธ.ค.)
ในการควบคุมการชุมนุมครั้งนี้ใช้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทั่วประเทศประมาณ 89,000 นาย มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเตรียมใช้ยานยนต์หุ้มเกราะในกรุงปารีสเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ในกรณีที่สถานการณ์บานปลาย พร้อมทั้งเตือนว่าเจ้าหน้าที่จะใช้ มาตรการขั้นเด็ดขาดหากกลุ่มผู้ประท้วงพยายามบุกรุกเข้าสู่อาณาเขตของทำเนียบเลลีเซ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานและสถานที่พำนักของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยืนยันว่าพร้อมเสมอสำหรับการเจรจา
ขณะที่บรรยากาศในกรุงปารีสโดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับฌองเซลีเซเต็มไปด้วยความเงียบสงบจนคล้ายเมืองร้าง เมื่อประชาชนและบรรดาผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ด้วยการเก็บสินค้าราคาแพงออกจากชั้นวางหน้าร้านทั้งหมด ใช้แผ่นไม้หลายชั้นปิดกั้นและป้องกันอาคารเพื่อลดความเสียหาย รวมถึงช่วยกันเก็บสิ่งของทุกอย่างที่อาจกลายเป็นอาวุธออกจากพื้นที่ ในเวลาเดียวกัน ตำรวจเริ่มปิดการจราจรบางส่วนรอบฌองเซลีเซ และตั้งด่านตรวจ
นับเป็นวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง นับตั้งแต่รับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนท่วมท้นเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2017 เหตุประท้วงครั้งนี้เริ่มตั้นขึ้นเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน โดยมีชนวนเหตุจากการเตรียมขึ้นภาษีเชื้อเพลิง ซึ่งแม้รัฐบาลยอมนำมาตรการดังกล่าวออกจากงบประมาณปี 2562 แล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่สามารถทำให้ประชาชนพอใจได้ โดยความไม่พอใจขยายวงกว้างไปถึงนโยบายปฏิรูปการศึกษา การจัดการระบบบำนาญ และการเรียกร้องให้มาครงลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีเชื่อว่ามาครงจะยังคงอยู่ได้ครบวาระคือจนถึงปี 2565 โดยต้องมีการต้องปรับในเรื่องการเข้าใจและเข้าถึงประชาชน