นักวิชาการ ม. รังสิต เตือน 10 ธุรกิจเติบโตต่ำ มีความเสี่ยงเลิกจ้างในปีหน้า ห่วงขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 12 ล้านล้าน แนะรัฐขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ-พยุงราคาสินค้าเกษตร
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ผลสำรวจของหอการค้าไทยที่พบว่าหนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยหนี้อยู่ที่ 3.16 แสนบาทต่อครัวเรือนนั้น จะมีความอ่อนไหวในเรื่องความสามารถในการผ่อนชำระมากยิ่งขึ้นจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยเฉพาะการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ อาจซ้ำเติมปัญหาหนี้สินครัวเรือน แม้ว่าหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 77% จากเดิม 80%
“หากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น จะทำให้การก่อหนี้เพื่อซื้อสินทรัพย์ถาวร เช่น บ้าน และรถยนต์ชะลอตัวลง ในขณะที่การลงทุนเพื่อประกอบกิจการก็อาจชะลอตัวลงด้วยจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น และแม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนี้ จะมีเป้าหมายเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต และป้องกันปัญหาฟองสบู่ แต่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่เร็วเกินไป และอาจซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนได้”นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ ยังระบุว่า ยอดหนี้ครัวเรือนโดยรวมในปัจจุบันอยู่ที่มากกว่า 12 ล้านล้านบาท อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจการเงินในอนาคตได้ ดังนั้น การทำให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น เพื่อลดการก่อหนี้เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จะเป็นแก้ปัญหาความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินนโยบายเข้มงวดทางการเงิน
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับประชาชนในระดับฐานรากนั้น ผู้ใช้แรงงานควรได้รับการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มเติม และควรมีมาตรการพยุงราคาสินค้าเกษตรเพิ่มเติม
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวว่า ปีหน้าจะมีธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตต่ำมาก มีความเสี่ยงสูง และจะมีการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มเติมจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ได้แก่ 1. ธุรกิจอุตสาหกรรมทีวี ทีวีดิจิทัล เคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์และสำนักพิมพ์ต่างๆ 2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหรือการให้เช่า CD DVD
3.ธุรกิจอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง และปาล์มน้ำมัน 4. สถานศึกษาเอกชน 5. ธุรกิจร้านค้าแบบดั้งเดิม 6. ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ต 7. ธุรกิจหัตถกรรม และเฟอร์นิเจอร์ไม้ 8. อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องหนัง 9. เครือข่ายสาขาสถาบันการเงิน 10. เครือข่ายห้างสรรพสินค้า
อย่างไรก็ตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพิ่มอัตราชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ใช้แรงงาน จะช่วยบรรเทาปัญหาทางเศรษฐกิจของผู้ถูกเลิกจ้างได้ระดับหนึ่ง ในขณะที่กรณีย้ายสถานประกอบการไปที่อื่น หากลูกจ้างไม่ประสงค์ย้ายตามไป ก็สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างและได้สิทธิชดเชยตามอัตราใหม่ เช่น ลูกจ้างทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 400 วัน