สาธารณสุขชี้แจง หน้ากาก N95 ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด หากสวมผิดไม่ป้องกัน แนะทางเลือกสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือเสริมทิชชู ป้องกันได้
15 ม.ค. 2562 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.), แพทย์หญิง พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย, แพทย์หญิงอัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมอนามัย และนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แถลงข่าวการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ใน กทม.และปริมณฑล
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ร่างกายจะมีการกรองฝุ่นในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ PM2.5 จะมีโอกาสหลุดรอดเข้าไปได้ลึกถึงปอดมากกว่า ไม่ได้แปลว่าการสัมผัสฝุ่น PM2.5 จะทำให้เกิดโรคและปัญหาสุขภาพทันที เพราะเป็นเพียงความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับปริมาณ ความเข้มข้น ระยะเวลา ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่า จะต้องได้รับมากน้อยหรือเวลามากเท่าใดจึงจะเกิดปัญหา ซึ่งการป้องกันนั้น ทางหนึ่งคือ การใช้หน้ากากอนามัย แต่พบว่า มีจำนวนหนึ่งยังเข้าใจและใช้หน้ากากอนามัย N95 ไม่ถูกต้อง ซึ่งอยากจะชี้แจงว่า หน้ากาก N95 ไม่ใช่คำตอบเดียวในเรื่องดังกล่าว
“หน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่า 90% แต่ก็ต้องใส่ให้ถูกต้อง ที่เรียกว่าฟิตเทสต์ คือ จะต้องแน่นมากพอจนรู้สึกว่า ไม่มีอากาศผ่าน ซึ่งหากใส่ไม่ถูกต้องก็ไม่มีผลอะไร อย่างไรก็ตาม แม้จะใส่อย่างถูกต้องก็ใส่ได้ไม่นาน โดยเฉลี่ยคือประมาณ 20 นาที ก็จะมีปัญหาหายใจไม่สะดวก ดังนั้น จึงอยากชี้แจงว่าหน้ากาก N95 ยังไม่ได้จำเป็นถึงขั้นนั้น หากเป็นคนปกติอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาก็สามารถใช้ชีวิตปกติได้ แต่หากอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงหรือต้องเข้าไปในพื้นที่ หากใช้เวลาไม่นาน เช่น 10-20 นาที ก็อาจไม่ต้องทำอะไร เพราะไม่ใช่ว่าสัมผัสฝุ่นแล้วจะเกิดผลกระทบเลย แต่หากต้องสัมผัสเป็นเวลานานขึ้น เช่น ต้องรอรถเมล์เป็นเวลานาน และต้องอยู่บนรถเมล์ร้อนตามถนนเกิน 1 ชั่วโมง ก็อาจสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน ซึ่งหน้ากากอนามัยปกติก็สามารถป้องกันได้ 50% ซึ่งก็มีข้อมูลงานวิจัยอยู่ว่า การนำทิชชูมารองเพิ่มอีก 2 ชั้นก็สามารถช่วยป้องกันได้มากขึ้น”
ด้านพญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในตอนนี้มีที่แตะสีแดง คือ เกิน 91 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป เพียงไม่กี่พื้นที่ แต่ประเด็นคือค่าฝุ่นนี้ไม่ได้สูงทั้งวัน และไม่ได้ครอบคลุมทั่วทั้ง กทม. ดังนั้น หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่สีแดง ส่วนกลุ่มเสี่ยงนั้นหากอยู่ในพื้นที่สีส้มก็แนะนำว่าให้ลดกิจกรรมออกกลางแจ้ง อยู่ในอาคารสถานที่ และดูแลสุขภาพ แล้วคอยประเมินว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่