จากรายงานของ Forbes ซึ่งระบุว่า หนึ่งในสามของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนั้นอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และภูมิภาคนี้จะเป็นภูมิภาคที่ร่ำรวยที่สุดของโลกภายในปี 2563 เว็บไซต์ Investing.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการเงินระดับโลก จึงได้ทำการรวบรวมบุคคลที่น่าสนใจและรวยที่สุดของเอเชียในปี 2561 มานำเสนอ ซึ่งจำนวนเศรษฐีชาวเอเชียที่ Investing.com รวบรวมมานั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 40 คน มีทั้งนักธุรกิจชาวเกาหลี อินโดนีเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน จำนวนมากมายหลายชาติ รวมถึงมหาเศรษฐีชาวไทยก็ติดอยู่ในลิสต์ด้วยเช่นกัน และที่น่าประหลาดใจ มีคนไทยที่ร่ำรวยติดโผมากถึง 8 คน เรียกว่าเกือบ 1 ใน 4 ทีเดียว และรับรองว่า ได้ยินชื่อทุกคนคงคุ้นหูเป็นอย่างดี
เฉลิม อยู่วิทยา
กระทิงแดง
มูลค่าสิทธิ : 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
มหาเศรษฐีชาวไทย เจ้าของอาณาจักรกระทิงแดง ทายาทคนโตของ “เฉลียว อยู่วิทยา” ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull โดยครอบครัวอยู่วิทยาเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอยู่ 51% ตัวเจ้าสัวเฉลิมเองมีทรัพย์สินมูลค่าอยู่ประมาณ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามทรัพย์สินจำนวนมากก็ไม่อาจทำให้ตระกูลอยู่วิทยาหลีกหนีไปจากข้อครหาต่าง ๆ ได้ โดยเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2560 มีข้อมูลกล่าวหาตระกูล “อยู่วิทยา” หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ ว่าใช้ให้บริษัท ต่างประเทศปกปิดทรัพย์สินหรูหรา อาทิ เครื่องบินไอพ่นส่วนตัว รวมถึงยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ วรยุทธ อยู่วิทยา บุตรชายของนายเฉลิม ขับเฟอร์รารี่คันหรูของเขาชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ซึ่งจนถึงขณะนี้นายวรยุทธยังไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
เปรมชัย กรรณสูต
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
มูลค่าสุทธิ : 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทของเปรมชัย กรรณสูต ได้รับสัมปทานการก่อสร้างสนามบินและระบบรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งคนในสังคมกำลังจับตาและถกเถียงกันเรื่องสิทธิประโยชน์ของคนรวย อันเนื่องมาจากกรณีอื้อฉาว “ล่าเสือดำ”ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรซึ่งเป็นมรดกโลกในจังหวัดกาญจนบุรี โดยเปรมชัยตกเป็นผู้ต้องหารุกล้ำพื้นที่หวงห้ามและล่าสัตว์ป่าสงวน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มูลค่าสุทธิ: ไม่ทราบ
ในช่วงต้นเดือนธันวาคมของปี 2561 พล.อ.ประวิตรยกมือขึ้นป้องกันแสงแดดที่เข้าตา แต่กลับเผยให้เห็นนาฬิกาแบรนด์หรูมูลค่าสูงลิ่วบนข้อมือและแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้ว ซึ่งเป็นรายการทรัพย์ที่ พล.อ.ประวิตรไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ โดยเจ้าตัวระบุว่านาฬิกาหรูหลายเรือนที่อยู่ในครอบครองนั้นยืมเพื่อนมา ซึ่งต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาว่า พล.อ.ประวิตรไม่มีความผิดในเรื่องดังกล่าว จึงเป็นที่รู้กันว่ามี “บิ๊กป้อม” มีนาฬิกาหรูหลายเรือนเป็นของสะสมซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
เจริญ สิริวัฒนภักดี
เครื่องดื่ม / เบียร์ช้าง
มูลค่าสุทธิ : 17.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเบียร์ช้าง บิดาของเจริญเริ่มต้นค้าขายริมถนนในกรุงเทพฯ นับเป็นการเริ่มต้นธุรกิจจากครอบครัวที่ยากจน แต่ได้กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานของผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ให้เช่ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของโรงแรมอย่างน้อย 50 แห่ง ในเอเชีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย รวมทั้งโรงแรม Okura Prestige ที่มีชื่อเสียงและโรงแรมแมริออท 7 แห่ง นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่น ได้แก่ ซูปเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ F& N บริษัท และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอีกมากมาย
ธนินท์ เจียรวนนท์
บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด
มูลค่าสุทธิ: 14.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในปี 2560 ตระกูลเจียรวนนท์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมของครอบครัว 36.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ธนินท์เป็นประธานกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ครอบครัวเริ่มต้นธุรกิจโดยพ่อและลุงที่เดินทางมาจากประเทศจีน เพื่อขายเมล็ดพันธุ์และเคมีภัณฑ์ ซึ่งต่อมาธุรกิจได้เติบโตและกลายเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ขยายไปทั่วเอเชีย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจประกันภัย ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ซูเปอร์มาร์เก็ต ธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นความมั่งคั่งของตระกูล “เจียรวนนท์”
กฤตย์ รัตนรักษ์
Bangkok Broadcasting & Television Co.
มูลค่าสุทธิ : 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ครอบครัวของ กฤตย์ รัตนรักษ์ เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย และเป็นตระกูลผู้ดีเก่า ที่ส่งต่อความมั่งคั่งมาหลายชั่วอายุคน พ่อของกฤตย์เป็นผู้ริเริมก่อตั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าธนาคารกรุงศรี และยังได้ก่อตั้ง บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และ กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ซึ่งหลังผู้เป็นบิดาเสียชีวิตลง กฤตย์ได้เข้ามาบริหารธุรกิจแทน นอกจากนี้เขายังเคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก ขณะที่มีอายุ 35 ปี ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย หลังจากหมดวาระเขาตัดสินใจทุ่มเทเวลาให้กับธุรกิจอย่างเต็มตัว
อาลก โลเฮีย
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)
มูลค่าสุทธิ : 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อาลก โลเฮีย เกิดที่กรุงเทพมหานคร แต่ปัจจุบันเขามีสัญชาติอินเดีย อาลก เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นซีอีโอของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัมเคมีภัณฑ์ระดับโลก อาลกได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิวเดลี เขาทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของอินโดรามาซินธิติกส์ในประเทศอินโดนีเซีย หลังจากนั้นจึงก่อตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมา แม้โลเฮียจะมีสัญชาติอินเดีย แต่ก็ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย เขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตเส้นใยขนสัตว์รายแรกของประเทศไทย ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และประสบความสำเร็จในฐานะผู้ผลิต PET และเส้นใยโพลีเอสเตอร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อนจะขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่าง ๆ โดยเข้าซื้อกิจการในทวีปอเมริกาและทวีปยุโรป บมจ. อินโดรามาเวนเจอร์ส จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2553 และมีรายได้บริษัท สูงถึง 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในสิ้นปี 2557
ศุภลักษณ์ อัมพุช
The Mall Group
มูลค่าสุทธิ: 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เดอะมอลล์กรุ๊ปเป็นเครือข่ายค้าปลีกขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย ตระกูลอัมพุชถือหุ้น 65% ของบริษัท ซึ่งมีรายได้เกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ความมั่งคั่งของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เกิดจากการสร้างห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีความโดดเด่นและครบครัน จนกลายเป็นที่นิยม เช่น ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม สยามพารากอน และเอ็มควอเทียร์
ศุภลักษณ์ อัมพุช ถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวย ซึ่งในฐานะประธานกลุ่มเดอะมอลล์ เธอคือกุญแจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของเดอะมอลล์ ในปี 2562 เธอประกาศว่ากลุ่มเดอะมอลล์กำลังจะมุ่งเน้นการทำการตลาดด้วยเม็ดเงินมากกว่า 2 พันล้านบาทที่ถูกจัดสรรเพื่อการโฆษณา มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้อย่างน้อย 6 หมื่นล้านบาท และเดอะมอลล์ กรุ๊ป กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมแฟชั่นในปี 2562
นอกจากมหาเศรษฐีชาวไทยแล้ว ยังปรากฎชื่อมหาเศรษฐีในเอเชียอีกหลายท่านที่น่าจับตามอง อาทิ นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย, แจ็ค หม่า เจ้าของอาณาจักรอาลีบาบา, ทาดาชิ ยาไน ผู้ก่อตั้งยูนิโคล่ โช ยัง โฮ เจ้าของสายการบินโคเรียนแอร์ เป็นต้น