ศึกโคราชเดือด ! “พปชร.-ภท.” แลกหมัดร้อง กกต. สอบปมใส่ร้าย-ซื้อเสียง งัดหลักฐาน “คลิป-ภาพ” ยื่นเอาผิดกันนัว
22 มี.ค.62-เวลา 13.00 น. นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อยื่นคำร้องต่อกกต.ให้ตรวจสอบ กรณีที่นายพรชัย อำนวยทรัพย์ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 10 จ.นครราชสีมา ถูกกล่าวหาจากนายดี สิมตะมะ ว่าได้รับเงิน 3,000 บาท เพื่อให้ลงคะแนนเสียงให้นายพรชัย ในฐานะผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย แต่ต่อมานายดีได้รับสารภาพว่ามีผู้จ้างให้ปรักปรำนายพรชัย โดยมีการบันทึกถ้อยคำไว้ที่ สภ. เสิงสาง ว่าผู้อยู่เบื้องหลังการจ้างวานนายประยุทธ บัวประดิษฐ์ ซึ่งเป็นหัวคะแนนใหญ่ของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้สมัครส.ส. จ.นครราชสีมา เขต 10 พรรคพลังประชารัฐ
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนได้นำหลักฐานภาพถ่าย แสดงว่านายประยุทธ์เป็นคนใกล้ชิดกับนายสุภรณ์ตั้งแต่สมัยเป็นแกนนำกลุ่ม นปช. แต่ขณะนี้พนักงานสืบสวน สภ.เสิงสาง ได้ยื่นฟ้องคดีโดยไม่มีการสอบสวนต่อว่ามีบุคคลใดอยู่เบื้องหลังนายประยุทธบ้าง ทำให้วันนี้พรรคภูมิใจไทย จึงนำตัวนายพรชัยมายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้สอบสวนขยายผล เพื่อหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริงและดำเนินคดีด้วย เพราะเรื่องนี้ถือมีความผิดทั้งคดีอาญาและตามกฎหมายการเลือกตั้ง
“ขณะนี้ทุกพรรคมีการแข่งขันกัน เมื่อต้องแข่งกับพรรคที่มีอำนาจรัฐในมือ จึงต้องพึ่งกกต. รวมถึงขอให้พรรคที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ว่าอย่าใช้อำนาจเอาเปรียบในการเลือกตั้ง วันนี้ในการเลือกตั้งทุกพรรคมีการแข่งขันกันเต็มที่ อย่าพึ่งไปพูดถึงการรวมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพราะเป็นเรื่องของอนาคต”นายศุภชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายสุภรณ์ ได้เดินทางมาที่ สำนักงาน กกต.เช่นกัน เพื่อมายื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งในพื้นที่ โดยนายสุภรณ์ ระบุว่า ได้มายื่น 3 ประเด็นให้ กกต. 1.การใช้เงินจ้างประชาชนเพื่อให้เข้าฟังการปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย โดยมีหลักฐาน คลิป และตัวเงินของนายพรชัย อำนวยทรัพย์ ผู้สมัคร พรรคภูมิใจไทย 2.การปราศรัยเพื่อใส่ร้ายตนในทุกเวที 3.มีการกระทำความผิดระเบียบกกต. ในการติดป้ายหาเสียงเกินกว่าขนาด รวมทั้งติดป้ายในพื้นที่ที่กกต.ไม่ได้กำหนดให้เป็นที่ติดป้าย ส่วนกรณีนายศุภชัย แถลงข่าวว่าตนมีส่วนเกี่ยวของกับการกระทำทุจริตใน อ.เสิงสาง และเป็นผู้วางแผนสร้างหลักฐาน จ้างวานให้นายดี เข้าให้การปรักปรำผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยว่าซื้อเสียงนั้น ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเตรียมให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าจะสามารถดำเนินคดีในส่วนใดได้บ้าง แต่หากพบว่ามีประเด็นใดที่พาดพิงทำให้เกิดความเสื่อมเสีย จะดำเนินการเอาผิดทันทีเช่นกัน
“ยืนยันว่านายประยุทธ์ ไม่ใช่หัวคะแนน และไม่เคยได้รับการไหว้วานให้ไปทำอะไร แต่ยอมรับว่านายประยุทธ์ เป็นสมาชิกพรรคพปชร.จริง ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการเก็บบัตรประชาชนที่พรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวหาตนนั้น ตนต้องการนำหลักฐานเข้าชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่นัดคดี 2 ครั้งหลังสุด นายศุภชัย ได้แจ้งขอเลื่อนเข้าให้ปากคำทั้ง 2 ครั้ง”นายสุภรณ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสุภรณ์ได้ยื่นคำร้องเสร็จสิ้น ได้พบกับนายศุภชัยซึ่งมายื่นคำร้องต่อ กกต.เช่นกัน โดยนายสุภรณ์และนายศุภชัยได้จับมือทักทายกันเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายในกันที่สุด