อย.ยกเคส อ.เดชา เป็นตัวอย่างยื่นครอบครองกัญชา ดึงความร่วมมือสถาบันการศึกษาร่วมวิจัย ซึ่งจะสามารถทำให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ต่อเนื่องในอนาคต เร่งให้แจ้งครอบครองวันสุดท้าย ด้านอภัยภูเบศรระบุน้ำมันกัญชา อ.เดชารักษาไมเกรนได้ดี เล็งใช้ในคน
วันนี้ (19 เม.ย.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 กำหนดให้แจ้งครอบครองกัญชาไม่ต้องรับโทษใน 90 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 19 พ.ค. 2562 นั้น จึงขอให้ผู้ป่วยที่รับกัญชาอยู่ และเมื่อมีใบรับรองว่าป่วย ขอให้แจ้งการครอบครองกัญชาเพื่อทางการแพทย์ได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่ตนเองอยู่อาศัย หรือที่กรุงเทพฯ ให้ติดต่อที่ อย. ซึ่งการครอบครองกัญชาไม่ได้กำหนดให้ครอบครองแค่วันที่ 19 พ.ค. แต่เปิดให้ใช้รักษาได้ต่อเนื่องยาวออกไปอีก ผู้ป่วยสามารถยื่นขอครอบครองการใช้และระบุจำนวนเวลายาวออกไปประมาณ 3 เดือนหรือ 6 เดือนได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ส่วนผู้ที่ผลิต ก็ต้องมาแจ้ง และขออนุญาตตามกฎหมาย เช่นกรณี อาจารย์เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือจากการใช้ใต้ดิน มาสู่บนดินด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ จากมหาวิทยาลัย 3 แห่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก และน่าจะเป็นตัวอย่างให้เคสอื่น ๆ ได้ด้วย ขณะที่ในส่วนของภาครัฐก็ได้ประสานกันทั้งส่วนขององค์การเภสัชกรรม(อภ.) และในส่วนของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องในการผลิตน้ำมันกัญชา
ด้าน ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า จากการหารือเพื่อสนับสนุนการวิจัยน้ำมันกัญชาสูตรอาจารย์ดชา มารักษาผู้ป่วยไมเกรน ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาปกติ โดยเป็นการศึกษาวิจัยและวิธีการควบคุมคุณภาพ มีการตรวจความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ตลอดจนตรวจสารสำคัญ ก่อนจะนำมาวิจัยในคน โดยที่น้ำมันกัญชานี้ทางอภัยภูเบศรมองว่าน่าจะมีความปลอดภัย เนื่องจากใช้ในขนาดต่ำ และหากได้ผล จะสามารถลดการนำเข้ายากลุ่มนี้ได้ ซึ่งในปี 2560 ขนาดตลาดยาไมเกรนทั่วโลกมีมูลค่าถึง 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ