ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเอกฉันท์ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ม.128 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ส่อขัดรัฐธรรมนูญ ม.92 หรือไม่ ตีตกคำร้องส่งศาลวินิจฉัยเลือกตั้งโมฆะ
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินนัดพิเศษ ว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ผู้สมัครส.ส.เขต 3 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กรณีปัญหาการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 ว่า มีการขัดแย้งหรือชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติเอกฉันท์ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับวิธีการคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 91
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ได้กำหนดวิธีการคำนวณไว้ 5 อนุมาตรา แต่เมื่อมาบัญญัติเป็น พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กลับมีการขยายเพิ่มเป็น 8 อนุมาตรา โดยอนุ 4 อนุ 6 และอนุ 7 ขยายข้อความ นอกเหนือมาตรา 91 ที่ระบุ ส.ส.พึงมีเบื้องต้น ทำให้การคำนวณส.ส.ไม่เป็นไปตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญมาตรา 91 จึงให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งทางสำนักงานฯจะยกร่างคำวินิจฉัยให้แล้วเสร็จ และส่งให้ได้ภายในวันนี้ หรืออย่างช้าภายในวันที่ 29 เม.ย.
นายรักษเกชา กล่าวว่า ความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่มีผูกพันกันองค์กรอื่น แต่ กกต.อาจใช้เป็นแนวทางในการพิจารณา หรือจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นอิสระของ กกต.และไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือไปถึงกกต. ส่วนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีผลอาจทำให้กกต.ไม่สามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ทันวันที่ 9 พ.ค.หรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาเฉพาะเรื่องที่ว่า องค์กรมีหน้าที่ต้องปฎิบัติอย่างไร
ส่วนประเด็นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 91 วรรคสาม มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 91(4) และมาตรา 91(4) มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 83(2) ซึ่งทั้ง 3 บทบัญญัติเกี่ยวข้องกับการจัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้ยุติคำร้อง เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจพิจารณากรณีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญขัดกันเอง
นายรักษเกชา กล่าวว่า ส่วนกรณีร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะจากประเด็นจำนวนรายงานผลนับคะแนนไม่ตรงกัน มีปัญหาคลาดเคลื่อนบัตรเขย่ง จำนวนผู้มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรแตกต่างกันอยู่ 9 ใบ ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า เป็นการแถลงข่าวจำนวนอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลในเบื้องต้น จึงไม่ใช่การกระทำที่ไม่สุจริต
ส่วนประเด็นการไม่นำบัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์มานับรวม กกต. ก็ได้มีการวินิจฉัยตามข้อกฎหมายซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญไม่เข้าข่ายเป็นความผิด ส่วนที่ร้องว่าไม่มีการแจ้งผลคะแนนให้ประชาชนรับทราบนั้น จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางปฏิบัติ กกต.แจ้งว่ามีการติดประกาศที่หน้าหน่วยเลือกตั้งอยู่แล้ว ประชาชนสามารถไปตรวจสอบได้
สำหรับประเด็นที่ร้องว่า นำบุคคลที่ไม่มีสัญชาติมารวมในการคิดคำนวนแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ตามมาตรา 86 ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่าการประกาศเขตเลือกตั้งให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งหมดทั่วประเทศมาคำนวณอาจจะมีทั้งที่เป็นคนไทยและผู้มีสัญชาติไทย เพื่อให้รู้ว่าพื้นที่มีขนาดแค่ไหน ควรมีส.ส.กี่คน ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการดำเนินการส่วนนี้ของกกต.ถือว่าเป็นไปตามกฎหมาย จึงมีมติเอกฉันท์ว่าประเด็นเหล่านี้ยังไม่เข้าข่ายการเลือกตั้งไม่สุจริต
ดังนั้น ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงยุติเรื่อง ไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะตามที่ยื่นคำร้อง