17 องค์กรผู้ใช้แรงงาน ยื่นข้อเรียกร้อง 10 ข้อต่อ “บิ๊กตู่” ขอปรับฐานเงินบำนาญเป็นเริ่มต้น 5,000 บาท ตั้งกองทุนลูกจ้าง พร้อมขยายอายุผู้ประกันตนเป็น 70 ปี
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2562 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง พร้อมทั้งกล่าวปราศรัยกับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ว่า รัฐบาลมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีภาคการผลิตที่เป็นอุตสาหกรรม 4.0 โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรม รวมทั้งพัฒนาศักยภาพพี่น้องแรงงานให้เป็นผู้มีความสามารถเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำให้พี่น้องได้เข้าถึงสิทธิต่างๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ทั้งด้านการมีงานทำ การพัฒนาทักษะฝีมือ การคุ้มครองแรงงาน ความปลอดภัยในการทำงาน และการมีหลักประกันทางสังคม สำหรับข้อเรียกร้องในปีนี้ เป็นงานที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว และบางส่วนอยู่ระหว่างการดำเนินการ
“เพื่อให้ข้อเรียกร้องได้รับการพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม จึงมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักในการหารือร่วมกับพี่น้องแรงงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และพิจารณากำหนดกรอบแนวทางการปฏิบัติให้ครอบคลุมในทุกมิติต่อไป”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สำหรับการจัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติในวันนี้ นายทวี เตชะธีราวัฒน์ ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงาน ในฐานะตัวแทนองค์กรผู้ใช้แรงงาน จำนวน 17 องค์กร ยื่นข้อเรียกร้องของแรงงานต่อพล.อ.ประยุทธ์ จำนวน 10 ข้อ ประกอบด้วย
1.ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98
2.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำร่อง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านมาประชาพิจารณ์มาแล้ว เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภาฯ โดยเร่งด่วน
3.ให้รัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ได้แก่ 3.1) การกำหนดเกษียณอายุของลูกจ้างอยู่ที่ 60 ปี ในกรณีลูกจ้างมีอายุ 55 ปี ประสงค์จะลาออกจากการเป็นลูกจ้าง ให้นายจ้างอนุญาตให้ลาออกได้ โดยได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับลูกจ้างที่เกษียณทุกประการ และ 3.2) ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการหามาตรการให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างรับเหมาค่าแรงปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ตามมาตรา 11/1 อย่างเคร่งครัด
4.ให้รัฐบาล ปฏิรูป แก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับประกันสังคม ดังนี้ 4.1) ปรับฐานการรับเงินบำนาญ โดยให้มีอัตราเริ่มต้นที่ 5,000 บาท 4.2) ในกรณีผู้ประกันตนเกษียณอายุและรับบำนาญแล้ว เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้มีสิทธิรับเงินรับบำนาญต่อไป และหรือผู้ประกันตนที่รับบำนาญชราภาพ ให้คงสิทธิไว้ 3 กรณี ได้แก่ การรักษาพยาบาล ทุพพลภาพ และค่าทำศพ เหมือนเดิม
4.3) ในกรณีผู้ประกันตนพ้นสภาพจากมาตรา 33 และประกันตนต่อตามมาตรา 39 การคำนวณ เดิมค่าจ้าง 60 เดือน เป็นค่าทดแทนต่าง ๆ ขอให้ใช้ฐานค่าจ้างจากมาตรา 33 4.4) เพิ่มสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลผู้ประกันตน มาตรา 40 เหมือนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39
4.5) ขยายอายุผู้ประกันตนจาก 15 – 60 ปี ขยายเป็น 15 – 70 ปี เพื่อให้เข้ากับสังคมผู้สูงอายุ 4.6) ในกรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพื่อสร้างจูงใจและลดความเหลื่อมล้ำให้รวมทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 เป็นทางเลือกเดียวกัน
5.ให้รัฐบาลรวมกองทุนเงินทดแทนกับกองความปลอดภัยแรงงาน และยกระดับเป็นกรมความปลอดภัยแรงงาน
6.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาต่อรัฐสภา โดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกองทุนของลูกจ้าง 6.1) ให้รัฐบาลส่งเสริมการออมของลูกจ้างในรูปแบบสหกรณ์ออมทรัพย์ ในทุกสถานประกอบกิจการ
7.ให้รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบและมีสิทธิจัดตั้งองค์กรได้
8.ให้รัฐบาลจัดระบบสวัสดิการ หรือกองทุนสวัสดิภาพของรัฐวิสาหกิจให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจทั้งที่ยังมีสถานภาพเป็นพนักงาน และที่พ้นสภาพความเป็นพนักงาน ให้ได้รับไม้น้อยกว่าลูกจ้างภาคเอกชนที่ได้รับตามระบบประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39
9.ให้กระทรวงแรงงานปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตามมาตรา 74 รัฐพึงจัดให้มีระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการดำเนินการ
และ 10.ให้ รมว.แรงงาน แต่งตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2562