ทนายความพาครอบครัวของนายชัยภูมิ ป่าแส และนายอะเบ แซ่หมู่ นักกิจกรรมชาวเขาเผ่าลาหู่ มายื่นฟ้องศาลแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก จากกรณีที่ถูกพลทหารใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงเสียชีวิต โดยอ้างว่า ยิงเพื่อป้องกันตัวเอง เนื่องจากผู้ตายมีระเบิดที่จะขว้างใส่ ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกัน และห่างกันเพียง 1 เดือน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2560
นายรัษฎา มนูรัษฎา กล่าวว่า วันนี้ญาติมาเรียกร้องความยุติธรรมกองทัพบก จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการเยียวยา ทั้ง 2 ครอบครัว เชื่อมั่นว่าจะได้รับความยุติธรรมจากศาล ที่ผ่านมามีกรณีที่ทหารลุแก่อำนาจ มอบอาวุฒิร้ายแรงให้ทหารไว้ประจำกาย โดยไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอก็จะเกิดกรณีแบบนี้หลายราย โดยอยากจะฝากให้สื่อมวลชนติดตามคดีจากอัยการศาลทหารในความผิดทางอาญา เนื่องจาก ศาลทหาร ปิดช่องไม่ให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นโจทก์ฟ้อง ในกรณีแบบนี้ควรให้ทหารมาขึ้นศาลยุติธรรมมากกว่าศาลทหาร
สำหรับค่าเสียหายที่เรียกร้องให้แก่ครอบครัวของนายชัยภูมิ ประมาณ 4 ล้านบาท ส่วนกรณีของนายอะเบ แซ่หมู่ เรียกร้องค่าเสียหาย ให้แก่ครอบครัว 7 ล้านบาท ซึ่งค่าเสียหายที่เรียกร้องไปนั้น ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับกรณี ตากใบ ซึ่งมีมูลค่า 7.5 ล้านบาท จำนวนเงินที่เรียกร้องไป ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะทั้งสองครอบครัวได้รับความเดือดร้อนจากการสูญเสียเสาหลัก และบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวไป
ด้านนายไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ และครอบครัว ในฐานะผู้ดูแลนายชัยภูมิ กล่าวว่า การสูญเสียในครั้งนี้ทั้งสองครอบครัวได้รับผลกระทบทางจิตใจ ส่งผลให้น้องชายของนายชัยภูมิ ไม่ได้เรียนหนังสือ แม่ของนายชัยภูมิ พูดจาไม่รู้เรื่องมีอาการซึมเศร้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนางอะหมี่มะ แซ่หมู่ แม่ของนายอะเบ แซ่หมู่ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าลูกชายของตน จะมีอาวุธร้ายแรง เพราะลูกเป็นคนดี อยากขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป ส่งผลให้ครอบครัวขาดรายได้ เป็นจำนวนมาก จึงไม่รู้จะพึ่งใคร ขอกระบวนการยุติธรรมและสื่อมวลชนช่วยเหลือ