หนุ่มข้าราชการทหารกระโดดถีบเก๋ง หลบนักข่าวเข้าสน.ศาลาแดง ด้านคู่กรณีเผยถูกจี้ท้ายและบีบแตรไล่ตลอดทาง
จากกรณีเหตุการณ์คลิปรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส และโตโยต้าวีออสขับตามกันมาและบีบแตรดังลั่นถนน ก่อนที่คนในเก๋งวีออสคันที่บีบแตรลงมาจากรถ โดยที่สวมชุดคล้ายข้าราชการ วิ่งเข้าไปกระโดดถีบรถแจ๊สคันหน้า จากนั้นกลับมาที่รถและพยายามขับหนีออกไป โดยมีชาย-หญิงคนขับรถแจ๊สที่โดนถีบวิ่งมาที่รถและพยายามเรียกให้ลงมาคุยกันพร้อมกับทุบรถกลับด้วย ก่อนจะมีประชาชนละแวกนั้นพยายามแยกทั้งคู่ออกจากกัน
ล่าสุด 30 พ.ค. 2562 ทีมข่าวได้พูดคุยกับพ.ต.อ.กฤตินาท ตุลยลักษณ์ ผกก.สน.ศาลาแดง ระบุนัดฝ่ายชายชุดข้าราชการ และฝ่ายคู่กรณีให้มาเจรจากัน เนื่องจากคลิปดังกล่าว เป็นคลิปที่วิพากษวิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก
พ.ต.อ.กฤตินาท กล่าวว่า เบื้องต้นชายสวมชุดข้าราชการเป็นทหาร ซึ่งล่าสุดชายสวมชุดข้าราชการ อ้างว่ารถของคู่กรณีขับรถอยู่เลนซ้าย แต่ไม่ยอมเลี้ยวซ้ายจึงบีบแตรไล่กันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้อัดคลิปโดยทางฝั่งฝ่ายคู่กรณีมีการลงมาทุบรถก่อน ทางชายทหารจึงลงมาทุบรถกลับไป
ภายหลังจากนายทหารมาถึงสน.ศาลาแดง เปลี่ยนเป็นชุดลำลองและวิ่งหนีสื่อมวลชนพร้อมกับไม่ยอมตอบคำถามใดใด โดยขึ้นไปรอผู้เสียหายบนชั้น2 ภายในห้องผู้กำกับสถานีตำรวจศาลาแดง
จากนั้นเวลาต่อมานางสาวสุนาวรี อินดิบ วัย 32 ปี อาชีพช่างเสริมสวย ซึ่งเป็นหญิงสาวคู่กรณี ได้เดินทางโดยเดินทางมาพร้อมกับรถยนต์ ฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ก็5331 กรุงเทพมหานคร เข้าพบตำรวจสน.ศาลาแดง พร้อมยืนยันกับทีมข่าวว่า ไม่ได้ขับรถปาดหน้ากับคู่กรณีตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่ขณะเกิดเหตุชายที่เป็นทหารพยายามขับจี้ท้ายรถ และบีบแตรตลอดทาง ก่อนที่ทหารคนดังกล่าวจะตะโกนต่อว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย พาดพิงไปถึงบุพการี พร้อมระบุว่า ทำไมนำสติกเกอร์ปิดป้ายทะเบียนรถ ตนพยายามไม่สนใจ เนื่องจากที่ต้องปิดสติกเกอร์ทับเลขเดิม เพราะตนถูกโฉลกกับเลข 1 และ 5 ก่อนที่ตนจะขับหนี แต่ชายคนดังกล่าวยังไม่ยอม บีบแตรไล่หลัง และยังตะโกนด่าทอกันระหว่างรถไปมา กระทั่งติดไฟแดง ชายคนดังกล่าวลงจากรถพร้อมกระโดดถีบท้ายรถของตน และพยายามจะขับรถหลบหนี ตนจึงวิ่งเข้าไปก่อนพยายามเรียกให้ลงมาคุยกัน แต่ชายคนดังกล่าวขับหนี จึงวิ่งตามพร้อมใช้ข้อศอกกระแทกจนกระจกคู่กรณีแตก พบทหารคนดังกล่าวย้ายไปนั่งเบาะข้างคนขับ พร้อมตะโกนกลับมาใส่ร้ายว่าตนเมายา พยายามจะฆ่า และข่มขู่ว่าจะเอาเรื่องตนให้ถึงที่สุด อ้างรู้จักอัยการและผู้ใหญ่หลายคน
เบื้องต้น พ.ต.อ.กฤตินาท อยู่ระหว่างสอบปากคำ ทั้ง 2 ฝ่าย โดยยังไม่แจ้งข้อหาฝ่ายใด ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งคู่