จากเหตุการณ์ฆาตรกรรม ครอบครัวฝรั่งชาวอังกฤษคือ นายอลัน สก็อต ฮ็อค (Mr Alan Scott Hogg) และนางหน็อต สุดแดน ภรรยาชาวจังหวัดแพร่ บริเวณบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ในหุบเขา บ้าน
สไตร์ยุโรป อยู่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561
โดยเจ้าหน้าที่ชุดทีมสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ได้เริ่มดำเนินการติดตามคดี จนรู้เบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และวัตถุ ค้นหาจนเจอร่างของทั้งสอง เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 กลายเป็นศพถูกฝังอยู่ริมลำธารห้วยกวางเน่า บริเวณที่เลี้ยงเป็ดใกล้บ้านของผู้ตาย และสามารถจับกุมตัวผู้บงการฆ่าได้ คือนาย วารุต รัตนสัจจกิจ อายุ 63 ปี เป็นซึ่งพี่ชายของนางหน็อต และพวกได้รวม 3คน
โดยวันนี้ 31 พ.ค. 2562 ศาลจังหวัดแพร่ ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีฆาตกรรมชาวต่างชาติ โดยเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดแพร่ ได้นำตัวนายวารุต รัตนสัจจกิจ อายุ 63 ปี หรือหนานหนัด จำเลยที่ 1 นายเปี้ย คำใส หรือ เสือทอง อายุ 63 ปี จำเลยที่ 2 และนายกิตติพงษ์ คำหวัน หรือ ไอ้ใหญ่ อายุ 24 ปี จำเลยที่ 3 และนายสีมา อุดพามูล อายุ 60 ปี ชาวบ้านแม่กะต๋อม ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ จำเลยที่ 4 ผู้ต้องหาคดีบงการฆ่านายอลัน สก็อต ฮ็อค (Mr Alan Scott Hogg) โดยมีญาติของผู้ต้องหา และญาติผู้ตาย เดินทางมาจากออสเตรีย และ จากประเทศอังกฤษ เข้าร่วมฟังคำพิพากษา
ศาลได้อ่านสำนวนประกอบคำพิพากษานานประมาณ 1 ชั่วโมง โดยสรุปว่า จำเลยที่ 1 เลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 ได้มีการเตรียมการและร่วมกันสังหารอย่างไตร่ตรองไว้ก่อน โดยไปเตรียมการที่บ้านจำเลยที่ 1 เข้าไปในบ้านผู้ตาย จำเลยที่ 2 ใช้ปืนลูกซองหัวปลายยิงนายอรัน สก็อต ฮ็อก 2 นัดตรงเล้าเป็ด และ จำเลยที่ 3 ล็อคแขนนางหน็อต สุดแดน โดยจำเลยที่ 1 ใช้เครื่องมือซ่อมรถ (กุญแจเลื่อน) ทุบศีรษะด้านหลังบริเวณโรงรถขณะกำลังคัดมะนาว จากนั้นจำเลยทั้ง 3 ช่วยกันนำผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ไปใส่หลุมริมห้วยกวางเน่า โดยเหตุการณ์นี้เกิดเมื่อ วันที่ 19 กันยายน 2561 เวลา 18.00 น. โดยเจ้าหน้าที่พบเบาะแสจากรอยเลือดติดที่เท้าสุนัขในบ้าน และรอยเลือดที่บริเวณโรงรถ เป็นต้นเหตุของการสืบสวนในคดีดังกล่าว
ส่วนจำเลยที่ 4 ก่อนหน้าเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ไปว่าจ้างให้ฆ่าคนข้างบ้านด้วยราคา 100,000 บาท เมื่อทราบว่าเป็นน้องของจำเลยที่ 1 จึงไม่รับงาน และได้พาไปหาจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยจำเลยที่ 4 รับเงินไปก่อนแล้ว 50,000 บาท และค่ารถอีก 2,000 บาท ทำให้จำเลยที่ 4 มีส่วนในการวางแผนฆ่าครอบครัวฝรั่งดังกล่าว
ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนจำเลยที่ 4 มีความผิดสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษาให้มีความผิดจำคุกตลอดชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยที่ 4ให้การเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 25 ปี เนื่องด้วยคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญประชาชน และ เป็นการสังหารชาวต่างชาติสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงประเทศชาติ ถือว่ามีความผิดร้ายแรง ศาลจึงลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว
ในทางแพ่งได้รับฟังข้อเท็จจริงจากคดีอาญาฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันฆ่าผู้อื่นจึงต้องใช้สินไหมทดแทนแก้ลูกสาวของผู้ตายจำนวน 644,255.20 บาท ในการใช้จ่ายพิธีศพและการเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อดำเนินคดีของบิดา ส่วนค่าที่จอดเรือยอร์ท ของผู้ตายไม่สามารถเรียกสินไหมทดแทนได้ประมาณ 60,000 บาทเศษ เนื่องจากไม่เกี่ยวกับการก่อคดีในครั้งนี้ ศาลยกคำร้อง
ขณะที่นางสาวปวีณา เชื้อเย็น ทีมทนายความเข้าฟังคำพิพากษา และ เป็นพี่เลี้ยงญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ญาติผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ซึ่งไม่พร้อมให้ข้อมูล ซึ่งการฟังคำพิพากษาแล้วรู้สึกพอใจการตัดสินของศาลไทย