ผู้อำนวยการ อพวช. เผยเตรียมส่งซากพะยูนน้อย “มาเรียม” สตัฟฟ์โดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างบทเรียนผลของทิ้งขยะในทะเลและเก็บไว้เป็นความทรงจำตลอดไป
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (18 ส.ค.) สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันดามัน ภูเก็ต พร้อมทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และกลุ่มพิทักษ์ดุหยง ได้นำซากพะยูนน้อยมาเรียม วัย 9 เดือน ออกจากช่องแช่แข็งเพื่อ นำไปขึ้นเครื่องบินกองทัพเรือ ณ ท่าอากาศยานตรัง ไปยังองค์การพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ คลอง 5 ปทุมธานี เพื่อนำซากของมาเรียม ไปสตัฟฟ์ไว้ที่องค์การพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
โดยวันนี้ (19 ส.ค.) ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ(อพวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ซากมาเรียมในตอนนี้นั้น อพวช. ได้เก็บรักษาในห้องเย็นอุณหภูมิลบ 20 องษาเซลเซียว เพื่อคงสภาพผิวหนังไม่ใช่เน่าเปื่อย และได้พูดคุยหารือกับทีมนัก taxidermy หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสตัฟฟ์สัตว์ เพื่อสตัฟฟ์มาเรียมพะยูนน้อยด้วยวิธีการที่ดีที่สุด ซึ่งจะเริ่มทำงานได้หลังจากงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ในวันที่ 25 ส.ค. 2562 จบลง โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน จะเสร็จสมบูรณ์
ผศ.ดร.รวิน เปิดเผยว่า การสตัฟฟ์หรือการรักษาสภาพหนังของมาเรียม เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลนั้นจะมีความยาก เนื่องจากหนังของสัตว์ประเภทนี้มีไขมันหนามากแทรมอยู่ตามชั้นผิวหนัง จึงยากกว่าสัตว์บกมาก ต้องมีการนำหนังผ่านกระบวนการกำจัดไขมันให้ได้มากที่สุด เพื่อให้หนังแห้งและขึ้นรูปได้ตามสภาพที่ต้องการ หากไม่แห้งและเปียกเยิ้ม อาจทำให้เปื่อยยุ่ย ขึ้นรา เน่าเสีย และเกิดความเสียหายได้ง่าย ทางอพวช.วางแผนให้สตัฟฟ์มาเรีย อย่างเหมือนจริงที่สุด
รวมไปถึงการเย็บผิวหนังและตกแต่งภายนอกก็ต้องถูกต้องสวยงามด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากสตัฟฟ์มาเรียมแล้ว อพวช.ยังจะต่อโครงกระดูกของมาเรียบไว้ศึกษา และสามารถทำหุ่นจำลองไว้ในหลายๆ ที่เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำมาเรียมพะยูนน้อยกันได้ไปนาน ๆ
