บก.ลายจุด โพสต์เดือดคดี บิลลี่ พอละจี มีคนวางแผนแล้วฆ่า อำพรางศพ ขบคิดมาเป็นอย่างดีเชิดหน้าและลอยนวล ขณะที่แอมเนสตี้ร่วมประณาม
4 ก.ย. 2562 จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของ นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557
โดยดีเอสไอ แถลงว่า ตรวจพบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถังเหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้นส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่า วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่ จึงยืนยันว่ากะโหลกศีรษะเป็นของ บิลลี่
ล่าสุดนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ ระบุว่า “วางแผนแล้วก็ฆ่า ทำลาย-อำพรางศพ ใส่ถัง เทปูน ยกขึ้นเรือ โยนทิ้งน้ำ ขั้นตอนซับซ้อน ขบคิดมาเป็นอย่างดีในพฤติกรรมที่เลวทราม เชิดหน้าและลอยนวล”
อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน วอนหาคนร้ายมาลงโทษ
ขณะเดียวกัน นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Tuenjai Deetes ระบุว่า “ข่าวที่ DSI พบหลักฐานกระดูกของ #บิลลี่ ผู้ถูกบังคับสูญหายเมื่อ 5 ปีก่อน ถูกเผาในถัง ทิ้งลงน้ำในเขตอุทยานแก่งกระจาน ทำให้สังคมมีความหวังว่าจะสาวไปถึงตัวผู้ทำผิดได้”
บิลลี่ เป็นลูกของลูกชายของ “ปู่คออี้” ผู้นำจิตวิญญานของชาวกะเหรี่ยง บิลลี่พยายามจะสื่อสารเรื่องราวของชาวกะเหรี่ยงแห่งป่าแก่งกระจาน โดยหลายช่องทาง รวมทั้งผลิตสารคดี เพื่อให้สังคมเข้าใจว่า ปู่คออี้และลูกหลาน ชาวบางกลอยบน “ใจแผ่นดิน” จำนวน 30-40 ครอบครัว ถูกบังคับโดยเจ้าหน้าท่ีอุทยานฯ ให้อพยพลงมาจากบ้านเดิม ด้วยการเผาบ้านและยุ้งฉาง แล้วอุ้มปู่ใส่ ฮ. ลงมาอยู่ท่ีบ้านโป่งลึก ซึ่งห่างจากไกลบ้านใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นบ้านเกิด
แอมเนสตี้ แสดงความเสียใจต่อครอบครัว
ขณะที่นายปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า แอมเนสตี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของบิลลี่ต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และแอมเนสตี้จะยืนหยัดเคียงข้างครอบครัวจนกว่าทางการไทยจะสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
“นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ทางการไทยสามารถนำความคืบหน้าของคดีอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้มาสู่ครอบครัวของผู้เสียหายและสาธารณชนได้”
“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสืบสวนสอบสวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงว่าผู้กระทำและผู้ส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้คือใคร และต้องนำบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามมาตรฐานสากล”
ติดตามข่าวสาร Bright Today