เกาะติดคดีสาวแสบหลอกผู้ชายนับสิบแต่งงาน ความเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ติดตามตัวนางสาวสร้อยเพ็ชร มาลีวัลย์ หญิงที่ถูก น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น.ส.น้ำ สวมรอยเปิดบัญชีในชื่อของสร้อยเพ็ชรหลอกให้อดีตเจ้าบ่าวโอนเงิน พบว่าเป็นสาวไร่ธรรมดา ๆ อยู่ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย
สภาพปัจจุบันของ น.ส.สร้อยเพ็ชร มาลีวัลย์ แต่เจ้าตัวยังขอปกปิดใบหน้า ซึ่งพบว่า น.ส.สร้อยเพ็ชร เป็นเพียงสาวชาวไร่ อาศัยที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยเธอเป็นแค่สาวต่างจังหวัดมีอาชีพเกษตรกรธรรมดา ๆ และนี่คือสภาพบ้านที่เธออาศัยอยู่ใน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย หลังจากที่เธอตกเป็นข่าว ทางชุดสืบสวนตำรวจเมืองเลยได้ลงพื้นที่ไปคุยกับคุณสร้อยเพชร และเธอปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับ น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น.ส.น้ำ รวมถึงไม่เคยเปิดบัญชีธนาคารให้กับ น.ส.จริยาภรณ์ น่าจะเป็นเรื่องของการถูกสวมรอย เพราะบัตรประจำตัวประชาชนหายตั้งแต่ปี 2558 โดยจำไม่ได้ว่าหายที่ไหน แต่ก็มีการแจ้งความ และทำบัตรประชาชนใหม่แล้ว ซึ่งจากนี้จะสอบปากคำ น.ส.สร้อยเพชร และจะนำตัวเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบปรามต่อไป
ขณะที่ พันตำรวจเอก สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการปราบปราม บอกว่า อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลจากอดีตเจ้าบ่าว 5 คน โดยคนล่าสุดที่ให้ปากคำเมื่อคืนนี้ คือ นายน้อย ชาวปราจีนบุรี ที่เพิ่งแต่งงานกับ น.ส.จริยาภรณ์ เมื่อเดือนสิงหาคม โดยพบว่า ปัจจุบัน นายน้อย มีสภาพหมดเนื้อหมดตัว และไม่มี ที่จะเดินทางมาให้ปากคำทางฝ่ายประสานงานของทางอดีตเจ้าบ่าวต้องเป็นฝ่ายส่งรถไปรับที่บ้านจากปราจีนบุรี เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามและให้ข้อมูลว่า เสียเงินสด 180,000 บาท และทอง 1 บาทเป็นค่าสินสอด และเกือบจะถูกโกงที่ดิน เพราะนัดกันว่า จะต้องโอนที่ดินให้ น.ส.จริยาภรณ์ เมื่อปลายเดือนสิงหาคม แต่นายน้อยก็ได้อ่านข่าวเจอคดีของ น.ส.จริยาภรณ์ จึงติดต่ออดีตเจ้าบ่าว ขณะที่ น.ส.จริยาภรณ์ ก็หลบหายเข้ากลีบเมฆไป โทรศัพท์ ไลน์ เฟซบุ๊ก ที่เคยติดต่อได้ก็ติดต่อไม่ได้ และขั้นตอนต่อไปจะออกหมายเรียกกับ น.ส.จริยาภรณ์ และพ่อ และแม่ และ น.ส.สร้อยเพ็ชร มาให้ข้อมูล ส่วน น.ส.จริยาภรณ์ มีหมายจับคดีค้างเก่าอยู่แล้ว 30 กว่าคดี