ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความเอาผิดร้านเสริมสวย หลังค้างค่าทำผม 70 บาทเหตุรีบไปงานศพจึงลืมติดกระเป๋าเงินไปด้วย รับปากจะนำมาจ่ายให้ตอนเย็น แต่กลับถูกร้านเสริมสวยนำภาพพร้อมข้อความโพส์ตให้เสียหาย ด้านร้านเสริมสวยแจงที่ทำไปเพราะโมโหเนื่องจากถูกค้างหลายครั้ง วอนเห็นใจคนทำมาหากิน
นางกนกวรรณ อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เดินทางมาที่ สภ.บ้านด่าน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน อ.บ้านด่าน ในข้อหาหมิ่นประมาทตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเจ้าของร้านเสริมสวยรายนี้ นำภาพและข้อความไปโพสต์ประนามตนเองในโซเชียลจนเสื่อมเสียซึ่ง นางกนกวรรณ ให้การกับพนักงานสอบสวน ว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ไปทำผมที่ร้านเสริมสวยดังกล่าว โดยทางร้านคิดค่าบริการ 70 บาท แต่ด้วยความรีบร้อนจะไปงานศพจึงลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ไปด้วย เลยบอกทางร้านว่า กลับจากงานศพจะนำเงินมาจ่ายให้ทันที ซึ่งทำตามที่พูดไว้ คือ นำเงินมาจ่ายทันทีในเย็นวันเดียวกันซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ว่าอะไร
กระทั่งมีคนมาเล่าบอกว่า ทางร้านได้มีการนำภาพของตนเอง พร้อมด้วยข้อความกล่าวหาในทางเสียหายไปโพสต์ในเฟซบุ๊กในทำนองว่า “ทำผมเสร็จ รีบวิ่งออกจากร้านโดยไม่จ่ายเงิน เหตุผลคือ รีบ ไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มาแบบนี้หลาย ๆ ครั้ง” แล้วก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็จะโพสต์ในลักษณะต่อว่า พอทราบเรื่องจึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ขอให้ทางร้านลบโพสต์ดังกล่าวออกแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เลยเดินทางมาแจ้งความเอาผิดร้านเสริมสวยฐานหมิ่นประมาทตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ขณะที่ น.ส.มพัสยา อายุ 21 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยที่ นางกนกวรรณ กล่าวอ้าง ได้ยอมรับว่า มีการโพสต์ภาพและข้อความลงในโซเชียลจริง แต่ที่ทำไปก็ด้วยความโมโหที่ นางกนกวรรณ มีพฤติกรรมติดค้างเงินค่าทำผมเช่นนี้หลายครั้ง แต่หลังได้รับเงินก็ลบโพสต์ไปแล้วทว่าจะให้มาโพสต์ขอโทษคงไม่ทำ และอยากจะให้เห็นใจตนด้วยเพราะทำมาหากิน แต่พอมาใช้บริการแล้วก็ติดค้างเงินแบบนี้หลายครั้งก็ทนไม่ไหว
ด้าน ร.ต.อ.ปรีชาศักดิ์ ศักยปรีชา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี บอกว่า คดีนี้เมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ก็ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งก็จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย