ความคืบล่าสุดทางคดี เมื่อสักครู่นี้ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและนายช่างโยธา สำนักพุทธฯ ปฏิเสธ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ป. แต่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติผิดมิชอบ (ป.ป.ป.) ได้แจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 / ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง มาตรา 147 / และมาตรา 162 ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ
หลังพบว่า นายฉัตรชัย มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนะ อดีต ผอ.พศ. โดยเป็นตัวแทนในการจัดสรรงบบูรณปฏิสังขร ให้กับวัดในเครือ 12 วัด ภาคเหนือ 9 วัด และ ภาคใต้ 3 วัด ของพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค จังหวัดเพชรบูรณ์ และ เจ้าคณะอำเภอชนแดน รวมมูลค่าความเสียหายที่โกงไป 19,375,000 บาท และเมื่อมีการร้องเรียนในเรื่องของเงินทอนวัด และนายฉัตรชัยได้อาสาขอเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการทำเอกสารเท็จ และเกลี่ยกล่อมพระที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว โดยนายฉัตรชัยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพตนเองขณะรับทราบข้อกล่าวหา
โดย นายฉัตรชัย ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ข้าราชการ พระชั้นผู้ใหญ่ ในการทุจริต และที่ผ่านมาตั้งแต่รับตำแหน่ง ตนพยายามที่จะปรับเปลี่ยนระบบขององค์กรให้โปร่งใสที่สุด ส่วนเส้นทางการเงิน นายฉัตรชัย ระบุว่าเป็นอำนาจทางกฎหมายที่จะสามารถตรงจสอบได้ และนายฉัตรชัย เป็น 1 ในเป้าหมายที่มีการตรวจค้นบ้าน ที่ จ.ระนอง ได้มีการยึดเอกสาร บัญชีเงินฝาก และฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของนายฉัตรชัยตรวจสอบ
ขณะที่ในช่วงเช้า นายพยงค์ สีเหลือง ( ผมสีขาว) อดีตนายช่างโยธา ชำนาญงานกองพุทธศาสนสถาน ได้เดินทางมามารับทราบข้อกล่าวหาในมาตรา 147 , 157 และมาตรา 86 คือการให้ความสะดวก สนับสนุน ในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติผิดมิชอบ อีกด้วย โดย นายพยงค์ มีพฤติการณ์คอยรับคำสั่งจาก นายฉัตรชัย ในการติดต่อกับวัดในการเจรจาและการรับเงิน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธ แต่ทาง ป.ป.ป. มีหลักฐานที่เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอน ส่วนการสอบสวนที่มีพระผู้ใหญ่มาเกี่ยวข้องนั้น ยังไม่มีการแจ้งข้อกล้าวหา เพราะต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ
ส่วนสำนวนทั้ง 23 คดีที่มีการกล่าวอ้างพระสงฆ์ 4 รูป ที่เกี่ยวข้องกับการรับเงิน ขณะนี้พบว่ายังอยู่ในประเทศไทย ยืนยันจะดำเนินการตามกรอบกฎหมาย และในวันอังคาร (26 ก.ย. ) ทาง ปปจะส่งสำนวนของ 23 คดี ให้กับทาง ป.ป.ช. ในการตรวจสอบ แต่ในส่วนของเส้นทางการเงิน ยังอยู่ในระหว่างการวบรวมให้กับ ป.ป.ง. พร้อมเชื่อว่ายังมีมากกว่า 19 ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยขณะนี้มี ผู้ต้องหา 5 คนจาก 19 คนได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว คือ
1.นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. 2.นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สิงห์บุรี 3.นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการ พศ. 4.นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน พศ. 5.นายพยงค์ สีเหลือง นายช่างโยธา ชำนาญงาน พศ.