จากกรณีคนขับรถกระบะใช้ปืนข่มขู่เด็กปั๊มขณะกำลังเติมน้ำมันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วถูกเจ้าหน้าที่ไล่สกัดจับ จนไปเกิดเป็นคลิปเจ้าหน้าที่ยิงใส่รถกระบะในโรงพยาบาลจนเกิดถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งวันนี้ทางรองผู้บังคับการจังหวัดสุราษฏร์ธานียืนยันว่าไม่ทำเกินกว่าเหตุ
ในคลิปจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจกำลังวิ่งตามรถกระบะเพื่อยิงสกัดจับคนขับ เพราะคนขับรายนี้มีท่าทีที่จะหลบหนีการจับกุม โดยเส้นทางที่ใช้หลบหนีคนขับรถกระบะได้ขับเข้ามาภายในโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี แต่ทางชุดสายตรวจเกรงว่าคนที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลจะได้รับความอันตรายก็เลยไล่ตามไปเพื่อสกัดจับ และใช้อาวุธปืนยิงไปที่ยางรถเพื่อไม่ให้คนขับคนนี้สามารถขับรถหลบหนีได้อีก แต่การกระทำดังกล่าวกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะในสถานพยาบาลไม่ควรใช้ความรุนแรง ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการภูธร จ.สุราษฎร์ธานี เมือเห็นคลิปก็ชี้แจงว่า คนขับรถกระบะมีอาวุธและพยายามยิงใส่เจ้าหน้าที่ขณะติดตามจับกุม ตำรวจต้องรีบสกัดจับเพราะเดี๋ยวมีประชาชนได้รับลูกหลง และการกระทำดังกล่าวก็ถือเป็นยุทธวิธีของการเข้าสกัดจับผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วคนขับรถกระบะรายนี้ก็หนีไม่รอด และถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับได้ที่สี่แยกตรงถนนหน้าเมือง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ทราบชื่อคนขับ คือ นายจิรเดช บัวแก้ว อายุ 36 ปี ซึ่งภายในรถก็มีอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุข่มขู่พนักงานปั๊มน้ำมัน และจากการตรวจสอบพบว่าที่ตัวนายจิรเดชมีสารเสพติดในร่างกาย และเคยมีประวัติถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด ทั้งนี้เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้ทำการสอบปากคำเนื่องจากนายจิรเดชถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกขวาได้รับบาดเจ็บและอยู่ระหว่างรักษาตัว ซึ่งจะสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาต่อไปหลังจากนายจิรเดชหายจากอาการบาดเจ็บ