เมื่อ 2 วันก่อนทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพิ่งจะอนุมัติและบรรจุสมาคมไทยอีสปอร์ตเข้ามาอยู่ในแขนงหนึ่งของกีฬา ซึ่งก็ไปบังเอิญกับเกมส์ ROV (อาโอวี) เกมแนว MOBA (โมบ้า) บนมือถือที่คนไทยเกินกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ไม่มีใครไม่รู้จัก แต่ในความสนุกของเกมก็นำมาซึ่งความเครียดให้แก่ผู้ปกครอง หลังเด็กคนหนึ่งไปกดซื้อของในเกม โดยนำเงินในบัญชีของแม่ไปซื้อ มารู้อีกครั้งเงินหายไปเกือบ 20,000 บาท เกิดคำถามว่าเด็กไปเอารหัสมาจากไหน และเหตุนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ติดตามรายละเอียดได้จากรายงานของ คุณณัฐพงษ์ เรียบสันเทียะ ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
ยอดเงินสดถูกโอนออกจากบัญชีครั้งละ 35 บาท ปรากฏบนสมุดเงินฝากบัญชีธนาคาร มาจากการกดซื้อไอเทมหรือสินค้าในเกมส์ เรมออฟเวเลอร์ หรือ ROV เกมแนวโมบ้าบนมือถือ ยอดฮิตของเหล่าเกมเมอร์ในปัจจุบัน ซึ่งการกดซื้อไอเทมอาจดูไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะไม่ใช่การถูกหลอกลวง แต่ความสงสัยของผู้เป็นแม่ก็คือว่า ระบบเพลพาวของเกมส์นี้ มีขั้นตอนการทำอย่างไร
จากการตรวจระบบการเติมเงินเกม ROV ของทีมข่าวก็พบว่าระบบเกมส์มีการรักษาความปลอดภัยของการเติมเงินพอสมควร แต่ทว่าในโซเชียลมีเดีย กลับมีการสอนการการเติมเงินที่หลากหลายรูปแบบ และทีมข่าวก็ต้องตกใจเมื่อในยูทูปมีวิดีโอสอนการเติมเงิน และวิธีการผูกบัตรเครดิต
แต่ขั้นตอนการเติมเงินของเกมส์นี้มีหลัก ๆ แค่ 2 แบบ คือ เติมเงินด้วยระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ กับบัตรเครดิต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น มาจากความโชคร้ายของที่ผู้เป็นแม่ ที่ผูกรหัสบัตรธนาคารไว้กับอีเมลของโทรศัพท์มือถือ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุมาจากการลืมลบข้อมูล หรือบุตรหลานรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น อาจจะเป็นสิ่งที่สะท้อนสังคมว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผู้ใหญ่ควรเข้ามามีบทบาทในการให้เกมส์เป็นเครื่องมือเพื่อพัฒนาทักษะทางด้านสติปัญญาและความรู้ มากกว่าความสนุกสนานและเน้นด้านธุรกิจ เพราะในยุค 4.0 ที่กำลังมาถึง เราไม่อาจหลีกเลี่ยงเทคโนโลยีได้ แต่จะทำอย่างไรให้เทคโนโลยีอยู่คู่กับเราได้อย่างปลอดภัย และนำมาทำเป็นช่องทางให้เยาวชนรุ่นใหม่เติบโตอย่างรู้เท่าทันสังคมโลก เพื่อเป็นกำลังหลักในการพัฒนาชาติบ้านเมือง โดยมีเกมส์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือนำพาไปสู่จุดนั้นอย่างแท้จริง