ศพสาวท้องตกรางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์พร้อมลูกน้อยถึงบ้านเกิดใน อ.เวียงสา จ.น่าน ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ด้านอาของผู้เสียชีวิตวอนผู้บริหารรถไฟฟ้าฯ ควรมีที่นั่งพักสำหรับคนท้อง ผู้พิการ และผู้สูงอายุขณะรอรถ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย
ร่างของ น.ส.รศรินทร์ เปลี่ยนหล้า อายุ 31 ปี หรือ “น้องเอ” ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตกรางรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีบ้านทับช้าง กรุงเทพฯ พร้อมลูกในท้อง เดินทางถึงบ้านเกิดที่บ้านเลขที่ 69 ม.3 บ.นาสา ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน โดยรถตู้ของอาสาสมัครปอเต็กตึ๊ง กรุงเทพมหานครเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 มิ.ย.60) ท่ามกลางบรรยากาศความโศกเศร้าของญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน
หลังจากนั้นมีพิธีการสวดพระอภิธรรมโดยนิมนต์พระจำนวน 4 รูป มี พระครูสถิตนันทวุฒิ เจ้าอาวาสวัดนาสา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นายสำราญ ปัญญาอินทร์ นายก อบต.ไหล่น่าน เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ซึ่งหลายคนยังไม่อยากจะเชื่อว่า น.ส.รศรินทร์ เสียชีวิต โดยเฉพาะ ด.ญ.บี (นามสมมติ) หลานสาวร้องไห้ด้วยความเสียใจพร้อมกล่าวว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก่อนเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง น้าสาวยังโทรศัพท์มาหาตนพร้อมให้กำลังใจเรื่องการเรียน เพื่อช่วยครอบครัวเพราะแต่ละคนมีฐานะยากจนต้องอาศัยการศึกษาเป็นแนวทางดำรงชีวิต ไม่คิดว่าน้าสาวจะมาด่วนจากไปเสียก่อน
ทางด้าน นายใหม่ มาทุม อดีตผู้ใหญ่บ้านและเป็นอาของ “น้องเอ” กล่าวว่า จากการที่หลานสาวเสียชีวิตในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากระบบการอำนวยความสะดวกและระบบการดูแลความปลอดภัยผู้โดยสารมากกว่า โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ ผู้พิการ และผู้สูงอายุไม่มีการอำนวยความสะดวกเป็นพิเศษ ทางการรถไฟฟ้าฯ น่าจะมีสถานที่สำหรับนั่งหรือพักให้แก่บุคคลเหล่านี้ได้พักก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากกว่านี้ อีกทั้งแม้จะมีเก้าอี้แล้วแต่คนทั่วไปก็ใช้โดยไม่คำนึงหรือลุกให้คนท้องหรือผู้พิการและคนชรา ในวันเกิดเหตุลิฟท์ก็เสีย คนท้องต้องเดินขึ้นบันไดถึง 3 ชั้น ร่างกายย่อมอ่อนล้า นอกจากนั้น ควรจะมีการติดตั้งรางพิเศษเป็นรางเบี่ยงบริเวณชานชาลารถไฟ เพราะหากเบรกไม่ทันก็สามารถเลี้ยวรถไปยังรางเบี่ยงเพื่อความปลอดภัยได้
สำหรับศพของ “น้องเอ” และลูกชาย ซึ่งผู้เสียชีวิตและสามีได้ตั้งชื่อไว้ล่วงหน้าว่า “น้องติน” หรือ “น้องโปรติน” โดยจะทำการฌาปนกิจที่ฌาปนสถานบ้านนาสา ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา ในวันที่ 25 มิ.ย. นี้