จากสายสัมพันธ์ที่ผูกพันกันมาอย่างเหนียวแน่นกว่า 20 ปี เกือบจะขาดสบั้นไปซะแล้ว สำหรับคู่เพื่อนซี้ ลาล่า ลูลู่ ที่มาเป็นแขกรับเชิญรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ซึ่ง ลาล่า ได้มาเปิดใจแบบหมดเปลือกว่าที่เกือบแตกคอกันจนเกือบจะเสียเพื่อนเพราะผู้ชาย พร้อมกัน ลูลู่ ยังได้เปิดเผยความลับที่เคยทิ้งแฟนไปหาคนใหม่ และทั้งคู่ยังเปิดในใจทั้งน้ำตาถึงมิตรภาพที่ตัดกันไม่ขาดกับ อี๊ด โปงลางสะออน ย้ำที่ผ่านมาไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน
ถาม แต่ถึงจุด จุดหนึ่งที่ทำให้หลายคนตกใจเพราะการประกาศแยกวง หลายคนยังเข้าใจผิดถึงตอนนี้ว่าทะเลาะกัน จนเลยเถิดมีคำที่ว่าทิ้งกัน เนรคุณกัน
ลาล่า : ด้วยความเป็นผู้หญิง ล่า อาจจะคุยกับ ลู่ มากกว่า เราก็คุยกันว่าเราจะยังไงกันดีอายุเราก็ขนาดนี้แล้วจะขึ้นท่าปลาโลมาได้อีกกี่ปี เราจะยังไงเราไม่มีโอกาสไปเจอใครใดๆ ปีนี้เราอายุจะ 30 – 40 ปีกันแล้ว เราไม่ได้วางแผนชีวิตอะไรกันเลย
ลูลู่ : เพราะเราไม่ได้เป็นนักร้องที่ขายเสียงอะไรขนาดนั้น เราแค่เอ็นเตอร์เทนดูคนให้สนุก เราก็คิดว่าเราน่าจะเล่นหนัง เล่นละครอะไรอย่างนี้น่าจะได้ ที่เราคิดกัน
ลาล่า : ตอนนั้นคือเราเคลียร์คิวกลับเข้ามาใน กรุงเทพ คือ ยากมากซึ่งก็มีหนังมีละครติดต่อเข้ามาเยอะมากแต่เพราะว่าเราออนทัวร์ต่างจังหวัดเลยกลับเข้ามาในกรุงเทพยาก เราเลยทำยังไงกันดีเลยจับมือกันกับ ลู่ กันเป็นปีๆสองปีกว่าเลยนะคะ ที่จะกล้าไปคุยกับ พี่อี๊ด เราก็เข้าไปพูดว่า “ มันเหมือนประมาณเด็กมัธยมที่จจะจบม.6 แล้วจะต้องเลือกสายเรียนต่อแล้วว่าจะต้องเป็นอะไรต่อไปในอนาคต เพราะสิ่งที่ พี่อี๊ด ให้น้องคือเหมือนพวกหนูคือเป็นตุ๊กตา คือ มีหน้าที่กลืนอย่างเดียวเลยค่ะ พี่อี๊ด เขาคิดทุกอย่างมุข เสื้อผ้าหน้าผมเขามองเห็นหมดเลยอะไรที่ แม้กระทั่ง ขึ้นจีบกระโปรงนางรำไม่เท่ากัน หรือ รำไม่พร้อมกัน เขาเห็นหมดทุกอย่าง ทุกอิริยาบถดูแลดีขนาดนี้เรามีหน้าที่ทำตามเท่านั้น
ลูลู่ : แสดงว่าเราออกไปแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ มันเลยทำให้เราตัดสินใจว่า ล่า บอก พี่อี๊ด เถอะว่าเราต้องโตแล้ว ซึ่งวินาทีนั้นที่เราจะเดินเข้าไปบอกคือ ยากมากจริงๆค่ะ เราก็บอก พี่อี๊ด ว่าเราอยากจะมีงานรายการบ้าง เล่นละครบ้าง
ลาล่า : ซึ่ง พี่อี๊ด เขาก็บอกเราว่า แล้วเราจะดูแลตัวเองยังไง จะกินจะอยู่จะอะไรยังไง เพราะด้วยความเป็นพี่ที่เวลา พี่อี๊ด เขาทำงานนะคะ คือ พวกเรามีหน้าที่รอ..แล้วก็ทำหน้าที่ไป คือ ณ เบื้องหลังเราไม่รู้เลยว่าพี่เราโดนเขาด่า โดนเขาว่าอะไรใดๆ คือเราไม่รู้เพราะเขาจะไม่เอาความทุกข์ใดๆมาไว้ที่น้องเลย ไม่แชร์ความทุกข์เลย เพราะเขาจะรับอยู่คนเดียว พอเรามารู้อีกทีว่า .. ถ้า พี่อี๊ด ต้องมาแบกภาระตรงนี้ไว้ แล้วไม่ได้มาแชร์กันยังไง แล้วน้องจะทำงานเป็นไหม น้องจะไปคุยกับคนอื่นยังไง เราก็คิดว่ามันไม่ได้แล้วเพราะเราต้องโตแล้ว อย่างวันหนึ่งถ้าเรามีครอบครัว แม้กระทั่ง เรื่องส่วนตัว เรื่องบ้านของพวกเราทั้งหมด เรื่องการมีแฟนของพวกเราทั้งหมดก็เป็นเรื่องส่วนตัวของ พี่อี๊ด เขาดูแลทุกอย่างหมดเลยจริงๆ เพราะเราเหมือนครอบครัวเดียวกันเลย เรายอมให้พี่เขาเข้ามาตรงนี้ด้วย เพราะเรารู้สึกว่ามันคือ ความสุข เพราะเราทำงานเป็นทีม
ถาม ซึ่งแน่นอนเขาฟังอยู่เขาเข้าใจไหม นอกเหนือจากความเป็นห่วง เขาเข้าใจความรู้สึกที่น้องๆเป็นอยู่ไหม
ลาล่า : รู้สึกว่าเรา สัมผัสเขาได้ ณ วันที่เราพูดกับเขาใจของเขากับปากที่เขาพูดไม่ได้ตรงกันเลย เขาห่วงน้องมากเขากลัวคนทำร้ายน้องเขากลัวทุกอย่างแต่โกรธเราหรือเปล่าเราไม่รู้ว่าเขาโกรธเราหรือเปล่า แต่เขากลัวว่าน้องจะลำบาก กลัวว่าน้องจะทำอะไรไม่เป็นตรงนั้นมากกว่า เพราะพวกเราเหมือนถูกพ่อดูแลมาตลอด พ่อเลยไม่อยากให้ลูกไปเผชิญโลกประมาณนั้น
ถาม ถ้าเป็นอารมณ์ของคนในครอบครัว เหมือนพ่อ ห่วงด้วย โกรธด้วยที่ลูกจะมาขอย้ายออกจากบ้าน แล้วทะเลาะกันไหมตอนนั้น
ลาล่า : ณ ตอนนั้นไม่ได้ทะเลาะค่ะ จากกันด้วยดี แต่มันก็ได้กลิ่นได้ความรู้สึกนั้นว่าเขาน่าจะนอยด์
ลูลู่ : เขาน้อยใจมากกว่าว่าทำไมน้องทำไมจู่ๆวันหนึ่ง น้องต้องออกจากเราไปด้วย ซึ่งแกก็ไม่เคยคิดว่าน้องจะไปด้วย
ถาม ถึงขั้นไม่คุยกันกี่ปี
ลาบ่า : ถ้าถามไม่คุยกันคือ นานมากนะคะ ตามที่เห็นเป็นข่าวที่เรากลับไปฐานทัพตรงนั้น กลับไปบ้านตรงนั้น น่าจะประมาณ 7 ปีค่ะ
ถาม กลับมาได้คุยและคืนความรู้สึกที่ดีต่อกันเมื่อไหร่
ลาล่า : วันที่ทุกคนได้เห็นภาพนั้นเลยค่ะ ช่วงโควิดทำให้เรากลับมาเจอกันจริงๆอันนี้ก็ต้องขอบคุณโควิดในวันนั้น ได้กลับไป พี่อี๊ด ได้กลับไปฐานทัพเดิม ห้องเดิมที่เป็นห้องปรับทุกข์ ห้องร่วมทุกข์ร่วมสุขมันจะอยู่ในห้องนั้นหมดเลย ได้คุยกันทุกอย่างเปิดใจกันใหม่เลย ที่กลับไปเพราะวันนั้น พี่อี๊ด เขาโทรหา
ลูลู่ : เขาโทรมาชวนไปงานกับพี่หน่อย ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้คุยกันเลย แกโทรมาหาเราเอง ตอนแรกหนูก็ตกใจ พอ พี่อี๊ด พูดอย่างนี้ ไปเป็นเพื่อนี่หน่อยงานนี้ๆ เราก็อึ้งไปนะ แสดงว่าพี่เราอ่อนแอจริงๆคือ ต้องการกำลังใจจริงๆ ในเมื่อพี่เขาโทรมาขนาดนี้ แสดงว่าแกก็อยากให้ไปเป็นกำลังใจแกจริงๆเราก็จตอบว่าได้เลยค่ะ
ลาล่า : เป็นงานงานหนึ่งที่ใม่ขอลงรายละเอียดนะคะ แต่เป็นงานที่ พี่อี๊ด ไม่โอเคแล้ว คือ จิตใจเขาอ่อนแอแล้ว แล้วเขาอยู่กับเพื่อนๆหลายคนเพื่อนก็บอกเขาว่าทำไมไม่โทรหาน้องเขาบอกว่าไม่เอาเกรงใจๆ (เรื่องนี้เรามารู้ทีหลังนะคะ) พอเราได้เจอพี่เขาวันนั้นคือ จากราชสีห์กลายเป็นแมวความผงาดของพี่เรา ล่า กับ ลู่ ก็เลยกอดเขาแล้วก็บอก พี่อี๊ด ว่าพี่วันที่พี่มีความสุขพี่ไม่ต้องแชร์ให้หนูก็ได้นะ พี่เชิญสุขไปเลย แต่ถ้าพี่มีความทุกข์แล้วพี่ไม่แชร์ให้หนูจะโกรธพี่ไปตลอดชีวิตเลย เพราะความทุกข์ตลอดมาพี่ไม่เคยแชร์ให้เรารู้เลย แต่ครั้งนี้ถ้าพี่ไม่แชร์แล้วมารู้ทีหลังอีกนะ จะเสียใจมากและนั้นก็คือทำให้รื้อเหตุการณ์เก่าในอดีตทำให้เรารู้ว่า พี่อี๊ด ต้องเผชิญอะไรมาบ้าง เกิดอะไรขึ้นบ้าง (ลูลู่ซับน้ำตา) จากแต่ก่อนที่เขาเป็นคนที่เผด็จการในความคิดของตัวเอง แบบบางทีกำลังแสดงอยู่ พี่อี๊ด ล้มแผนที่วางไว้หมดเลยต้องเปลี่ยนการแสดงใหม่ทั้งหมด ซึ่งไม่มีใครรองรับอารมณ์ พี่อี๊ด ได้นอกจากเราสองคน มันก็เลยกลายเป็นภาพที่แบบพอมาเจอพี่เขาอีกครั้งเขาเย็นลงมาก เพราะวันนั้น ล่า ใส่ พี่อี๊ด ยับเลยแต่เขาไม่ตอบโต้อะไรเราเลยจนเราได้ยินคำว่า “ ขอโทษ จากปากพี่อี๊ด “ คือ มันที่สุดเพราะมันยากมากที่จะได้ยินคำนื้จากปากเขาเพราะที่ผ่านมาเขาจะพูดคำนี้แบบลอยๆ แต่ครั้งนี้มันออกมาจากความรู้สึกที่เขาตั้งใจฟังเราจริงๆที่เราระบายออกมาปังๆออกมาหมดแล้วเขาก็พูดออกมาว่าพี่ขอโทษ และก็เกิดเป็นภาพที่เรากอดกันออกมาในวันนั้น
ลูลู่ : เราคิดว่าเวลาคือ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราจะให้อภัยกันหรือเปล่าค่ะ และ มันอยู่ที่ว่าเราจะยอมรับในสิ่งที่เราทำพลาดหรือเปล่า
ลาล่า : พอเราห่างกันไป 7 ปี มันเลยตอบโจทย์ลาล่า ลูลู่ได้ว่ามันไม่ใช่รักธรรมดาแต่มันคือ ชีวิต เพราะเราจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งแบบน้องโดนลวนลาม พี่อี๊ด เขาไม่ปล่อยเลยนะคะ เขากระชากคอคนที่ทำการ์ดต้องมารุมแยกออกจากกันเลยพี่เขาปกป้องเราทุกอย่าง มันมากกว่ารักแล้วเพราะเรารู้สึกว่ามันคือลมหายใจของกันและกันแล้ว
ถาม ได้พี่ชายสุดที่รักกกลับคือมา แต่ ลาล่า ก็เกือบจะเสียเพื่อนที่รักอย่าง ลูลู่ ไปเพราะด้วยจากเหตุการณ์อะไร
ลูลู่ : ด้วยเหตุการณ์ที่ว่าเวลาเราโกรธเราจะนิ่งเราจะไม่พูด ซึ่งลาล่า เขาก็จะรู้ดี ซึ่งที่เราโกรธเพราะเขานัดเราแล้วลืมหลายครั้ง จนถึงกระทั่งครั้งที่สาม คือ ไลฟ์สด เพราะเรานัดกันไลฟ์สดที่จะโปรโมทสินค้าของเราที่เราทำด้วยกันตอนช่วงโควิดพอดีเรามาช่วยกันตรงนี้นะเราจะได้มีเงินซื้อขนม ซื้อข้าวอะไรบ้าง พอถึงวันนัดเราก็ อ้าว !! ทำไมไม่มา ไม่เป็นไร เราไลฟ์คนเดียวก่อนได้ คุยกับท่านผู้ชมไปว่ารอล่ามาค่ะ รอล่ามา แต่วันนั้นคือ ไลฟ์ชนไลฟ์เลยคค่ะ
ลาล่า : เราก็ไลฟ์อยู่กับพี่เล็กเหมือนกัน คือ ไลฟ์วันเดียวกัน เวลาเดียวกัน
ลาล่า : คือ ตอนนั้นเราก็ยังจำไม่ได้นะคะ ว่าเรานัดเขาไว้ ยังสนุกสนานอยู่กับผู้ชายอยู่ ยังกดไลฟ์กดแชร์ด้วยจ้า !! จนแฟนๆก็แบบว่า ทำไมพี่ลาล่าถึงปล่อยให้พี่ลูลู่อยู่คนเดียว พอเราเห็นแบบนั้นคือ ตายแล้วเราลืมนัดลู่ แต่ ณ ตอนนั้นคือเราลงไลฟ์ไม่ได้เพราะมันมีสินค้าที่เราทำคือเกี่ยวกับอาหาร คือ ลู่ล่าปลาร้าแซ่บเวอร์ อีกอันก็เล็กล่าหมูแดดเดียว ซึ่งเป็นสินค้าของเราทั้งสองถ้าทั้งสองปิดไลฟ์มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยเชียร์อันที่เราไลฟ์อยู่กับผู้ไปก่อนเพราะอย่างน้อยเราก็ยังขายสินค้าได้สักอย่าง แล้วเราค่อยไปเก็บเพื่อนอีกทีแล้วกัน คงไม่โกรธอะไรมากเดี่ยวนางก็คงทำกับข้าวให้กินตามสไตล์นาง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย
ลูลู่ : สำหรับ ลู่ มันคือหลายครั้งไปแล้ว เขาคงไม่มีความรู้สึกแบบเราแล้ว เขาไปฝั่งคนนั้นมากกว่าเราก็เลยพอแล้ว ถ้าเราเป็นคนไม่คุยก็คือไม่คุย เพราะเราก็เป็นคนแรงค่ะ รักใครรักจริง เกลียดใครเกลียดจริง เกลียดมากด้วยเราเลยยอมที่จะห่างดีกว่าในเมื่อเขามีความสุขตรงนั้นก็ให้เขาทำไป
ถาม แล้วคิดจะเข้าไปเคลียร์ไหม
ลาล่า : เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นคนคุยยาก เราเลยกลัวเพราะโทรไปไม่รับคือหนึ่งล่ะ ไลน์ไปอ่านแต่ไม่ตอบอะไรใดๆคือสองแล้ว แสดงว่าเป็นการปฏิเสธที่หนักแน่นแล้ว ฉะนั้น การที่เราจะไปยืนอยู่หน้าบ้านเรารู้แน่ว่าไม่เปิดประตูบ้านให้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็พยายามโทรก็แล้ว ไลน์ก็แล้วเปิดอ่านแต่ก็ยังคงเหมือนเดิมคือไม่ตอบ แสดงว่ามันเริ่มหนักแล้วจนเขาเริ่มโพสต์แล้วทีนี้ แบบ เพื่อนไม่ดีก็ปล่อยมันทิ้ง ชีวิตเราจะไปแคร์อะไร เหมือนใช้หลักธรรมะ พูดประชดประชัน แต่มันโดนเราเต็มๆ
ลาล่า : การที่จะเอาเขากลับมา เพราะสิ่งที่เราทำให้เขาเสียใจใหญ่ขนาดนี้เรารู้ว่าเขาเสียใจมาก แต่ตอนนั้นเราก็พยายามเรียงลำดับอยู่ว่าเราผิดอะไรก็ไปนั่งคุยกับพี่ๆเพื่อนๆให้ช่วยดูหน่อยว่าเราผิดอะไรบ้าง มานั่งไล่ลำดับจนรู้ว่า 1-2-3 เลยทำให้เราเข้าใจการที่จะเอาเขากลับมาเราอยากให้เขารู้สึกประทับใจที่สุด แล้ววันนั้นที่ขอคืนดี เป็นวันที่ไปอัดรายการกับเขาแล้วคือ เขาจะไปไหนไม่ได้แล้วมันเหมือนล็อกเขาแล้ว เราก็เลือกเอาดอกไม้ที่เราชอบให้กับเขา (หัวเราะ) เราก็เดินเอาไปให้เขาซึ่งตอนนั้นเราก็คิดคำพูดไว้แล้วด้วยนะคะ ของขวัญที่เธอซื้อให้ฉันมากมายอะไรก็ช่างฉันไม่เอา ปีนี้ฉันไม่เอาของขวัญแต่ฉันของเธอเป็นของขวัญวันเกิดให้กับฉันได้ไหม เป็นคำพูดที่เราตั้งใจขอถ้าเธอไม่กลับมามันก็ไม่มีค่าอะไร ถต่อให้ของขวัญร้อยล้านพันล้านก็ไม่เอา เพราะฉันจะเอาเธอกลับมาแค่นั้นวันนั้นวินาทีนั้น คือ ต้องเอาเขากลับมาให้ได้
ลูลู่ : วันนั้น คือ เราปฏิเสธไม่ได้เพราะเขาก็บอกแล้วว่าเขาจะทำเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำไม่รู้ว่าเราจะให้อภัยเขาไหม เราก็รู้สึกว่าถ้าเราไม่ให้อภัยเขาเราจะทำงานต่อด้วยกันได้ไหม เพราะเราใช้ชีวิตคุกคลีกันมาตลอด ถ้าไม่ให้อภัยเขาก็ไม่รู้จะให้อภัยใครเพราะว่าเรารู้ด้วยกัน ถ้าไม่ให้ใจเขาเขาก็ไม่ให้ใจเรา
ถาม เพราะความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่มีให้กันเป็นมากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้อง แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต
ลาล่า : เขาคือที่สุดแล้วจริงๆ สำหรับ ลูลู่ กับ พี่อี๊ด เสียสองคนนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด เราอาจจะช้าหน่อยในการง้อ เพราะการง้อคือการที่จะได้อะไรกลับมาเรามีความรู้สึกว่าทุกคนต้องประทับใจในสิ่งที่เราทำทุกครั้งเพราะความผิดเรารู้ว่ามันผิดเยอะ ความคิดน้อย เพราะฉะนั้น การที่จะได้เขากลับคืนมาเราอยากให้เขารู้ว่าเขาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา เขาคือลมหายใจ ถ้าไม่มี พี่อี๊ด กับ ลูลู่ มันก็ไม่มี ลาล่า ทุกคนก็จะไม่รู้จักเรา อี๊ด ล่า ลู่ มันคือลมหายใจเดียวกันนะเรากล้าพูดคำนี้เลย
ถาม แล้วได้เรียนรู้อะไรจากกับเหตุการณ์ครั้งนี้บ้าง
ลาล่า : ความเป็นผู้ใหญ่ค่ะ เขาสอนใหญ่เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกสเต็ปเพราะเราอยู่กับความเป็นน้องมาเยอะ สิ่งหนึ่งที่ พี่อี๊ด จะสอนมาตลอดว่าพี่เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะ แล้วเราเป็นน้องที่เอาแต่ใจตัวเองที่พอเวลาโดนดุโดนว่า พี่อี๊ด เขาจะไม่ว่าเราแต่ พี่อี๊ด เขาจะด่า ลูลู่ เพื่อที่ให้เรารู้สึกว่าต่อไปอย่าทำผิดอีก เพราะเมื่อเธอทำผิดคนที่จะโดนตำหนิคือคนนี้ ฉะนั้น เราตั้งใจแล้วว่าจะไม่ทำอะไรผิดพลาดอีก
ถาม แต่ก็เพราะที่ทั้งคู่ขาดกันไม่ได้เพราะได้ผ่านเหตุการณ์หลายๆอย่างในชีวิตของกันและกันมามากมาย อย่างช่วงที่ ลูลู่ ที่ทิ้งแฟนไปหาคนใหม่ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น
ลูลู่ : เราคบกันมาประมาณ 5-6 ปี มันทำให้เราเริ่มชินเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตลอด พอเราไปเจออีกคนหนึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่าทำไมดอกนี้มันแปลกจังอยากเอามาเป็นของตัวเองจัง ซึ่งเราก็ไปขอเบอร์โทรเขาเราเป็นคนโทรหาเขาเอง ความหวานมันเริ่มกลับมาใหม่ แต่กลับคนเดิมกลับไปยังไงก็เจอ เราก็บอกล่าว่าไม่เอาแล้วล่าฉันว่าฉันพอแล้วคนเก่าฉันอยากเลิก ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะเราเบื่ออยากเลิกกับชาติ ล่าก็ถามว่าจริงๆเหรอ ตอนนั้นคือ ทุ่มเทให้ผู้ชายคนนั้นทุกอย่างเลย ถึงกับขนาดเลิกกับชาติเลย
ลาล่า : คือ ผู้ชายร้องไห้เลย กอดขาไม่อยากเลิก คือ สวยมาก คือ ลู่ เขาจะไปอย่างเดียวแล้ว
ลูลู่ : ตอนนั้นคือคนจะไปร้องเหตุผลก็จะไป ขนเสื้อผ้าไปเลยค่ะ แต่ไม่ได้ไปอยู่กับเขานะคะ ไปอยู่อีกทีหนึ่ง
ถาม ตอนนั้นเราไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเหรอ เพราะว่าเรานอกใจนะ
ลูลู่ : ไม่เลยค่ะ เพราะเราคิดว่าเราจะไปอย่างเดียว จะไปคุยกับผู้ชายคนใหม่อย่างเดียวเลย ไปอยู่สักพักแบบทำไมมันเป็นแบบนี้ความรุ้สึกมันไม่ใช่เลย ผู้ชายคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ พอลองคุยพอลองคบมันไม่ใช่แล้ว เพราะมันมีเรื่องเงินเข้ามาค่ะ ทำให้เราคิดได้ว่าถ้าเราไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงิน เขาจะเข้ามาหาเราไหม เพราะเราไม่ได้สวย แล้วคนที่อยู่กับเรามา 5-6 ปี ทำไมเราทิ้งเขามาแบบง่ายๆขนาดนั้น เราเลยรู้สึกตัวว่าเราจะเสียคนที่รักเราขนาดนั้นไม่ได้เราก็รีบโทรหาเขาเลย หนูขอโทษนะ หนูรู้แล้วว่าคนไหนที่รักหนูจริง
ถาม ณ วันนั้น ชาติ ก็รู้ใช่ไหมว่าเรามีคนอื่น
ลูลู่ : รู้ค่ะ เขาตามไปถึงบ้านพักเลย โทรหาเราตลอดเลยว่าเขาผิดอะไรทำไมถึงทิ้งเขา คือเราจะทิ้งห่างเขาตลอด แต่พอเรารู้ว่าคนนั้นไม่ใช่แล้ว เรารู้สึกตัวเลยว่าเราผิดเองที่ก้าวออกไปจากชีวิตเขา ซึ่งเขาไม่เคยผิดอะไรเลยเขาเป็นคนที่ดีมาก ซึ่งพอเรากลับไปเราบอกเขาว่า ชาติ … ดวงขอโทษนะ ถ้ามันย้อนเวลากลับไปได้ดวงจะไม่ทำเลย พอกลับมาก็ขอโทษเขาอันไหนที่เราไม่ดี ตรงไหนที่ดวงผิดพลาด ตรงไหนที่ชาติผิดพลาดก็บอกกัน ซึ่งเราก็ได้จูนหรือว่าทำตัวใหม่เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้คุยรายละเอียดกันเลย และสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยพูดกับเราและเราก็ไม่รู้ตัวด้วย เขาบอกว่าชาติขออะไรได้ไหมเวลาไปข้างนอกเวลาไปเจอใครตามกอง ชาติไม่อยากให้กอดคอหอมแก้มอะไรเขามากเกินไป ถึงเขาไม่พูดแต่อยากให้นึกถึงความรู้สึกของเขาบ้างเพราะเราใช้ชีวิตอยู่บนเวทีเล่นในชีวิตที่อยู่นอกเวทีจนเคยตัว เราก็เลยลืมนึกถึงความรู้สึกเขาตรงนั้นไป
