แมทธิว-ลิเดีย ขอเล่าข้อมูลที่อาจจะดูเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยแมทธิว ได้อัพเดตอาการเบื้องต้น และอาการในช่วงเเรกที่ได้รับการเข้ารักษาว่า “ตอนนั้นเช็คเลือด เช็คปอดเเล้วยังถือว่าน้อย คุณหมอเลยมีเเนวทางที่ว่า ให้กักตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและปล่อยให้ร่างกายได้พักฟื้นตนเอง ซึ่งตอนนั้นรู้สึกแฮปปี้มาก ที่ตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่ต้องทานยา เพราะว่าอาการไม่ได้หนักเท่าไหร่ แต่ว่าหลังจากนั้นไข้หาย แต่กลับกลายว่าเข้าสู่วันที่ 5 ร่างกายกับไข้ขึ้น 37 องศา มีอาการท้องเสีย และได้มีการเอ็กซเรย์ ปรากฏว่าเชื้อลงสู่ปอดเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นคุณหมอจากที่ให้ร่างกายได้ปรับสภาพเอง ก็ต้องตัดสินใจเข้ารับการรักษาทันที
ในส่วนของลิเดียนั้นมีไข้มาตลอดตั้งเเต่เข้าโรงพยาบาลมา ไข้ 37-38 โดยประมาณ ซึ่งตอนนั้นออกซิเจน ทุกอย่างปกติดีหมด เราเองยังคิดว่าร่างกายมันคงขับไวรัสออกเองหมดเเล้ว เเต่พอวันรุ่งขึ้น ต้องกลับมาเช็คร่างกายสรุปว่า ปอดทั้งสองข้างมีการอักเสบไปหมดเเล้ว ไวรัสเข้าไปในปอดทั้งสองข้างเรียบร้อย
ซึ่งทั้งแมทธิว และลิเดีย ยังเปิดใจอีกว่า ถ้าให้เลือก ก็ไม่อยากจะทานยา เพราะว่าการทานยานั้นมันมีผลข้างเคียง เพราะการที่เรากินยาหลายๆตัว ข้อมูลในการรักษาโรคนี้ก็ยังมีไม่เเน่ชัด แต่ยังไงเราสองคนก็ไม่อยากเสี่ยง ก็คงต้องเลือกที่จะต้องทานยา และย้ายเข้า ICU ทั้งคู่เพื่อที่จะเฝ้าดูอาการอย่างไกลชิด เผื่อว่ามันลุกลามเข้าปอดก็จะได้มีอุปกรณ์ต่างๆที่ช่วยเราได้ ซึ่งแมทธิว อยู่ในห้อง ICU 2 วัน ส่วนลิเดียอยู่ 5 วัน โดยยาที่รับประทานทั้งหมดมีอยู่ 3-4 ตัว ซึ่งพอได้ทานเข้าไปแล้วอาการก็ดีขึ้น การทานยาในหนึ่งมือ เรากินทีเกือบ 10 เม็ด มีผลต่อร่างกายนิดหน่อย มีท้องเสียบ้าง อย่าง เดีย เป็นคนตัวเล็ก ร่างกายก็อาจจะเบลอๆนิดหน่อย มีหายใจขัดๆเเน่นอกนิดหน่อย เวียนหัว คลื่นไส้ ตามัว นี้คือผลข้างเคียงของการกินยา
ล่าสุดตอนนี้ร่างกายของ แมทธิว – ลิเดีย อยู่ที่ 90-95 เปอร์เซ็นแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับพวกเราคือ “ความกลัว” พวกเรากลัวว่ามันจะลามปอดไปมากไปกว่านี้ไหม ไข้มันจะกลับมาอีกไหม อันนี้ก็ไม่มีใครตอบได้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราทั้งสองกังวลเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ แมทธิว ลิเดีย ทิ้งท้ายด้วยการขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทีมเเพทย์ที่ช่วยรักษา และอยากให้ทุกคนเฝ้าระวังตัวเอง ทำตามที่ทางการแพทย์ รัฐบาล เพื่อที่ทุกคนจะได้ปลอดภัย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน
