เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 13 เมษายน 2560 หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 939/2560 ลงวันที่ 12 เมษายน 2560 ในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน ที่กองบังคับการปราบปราม
ซินแสโชกุน ได้ตอบคำถามผู้เสียหายที่มาดักรออยู่ที่กองบังคับการปรามปราม ยืนยันไม่ได้ฉ้อโกงประชาชน แต่เปิดบริษัทขายสินค้าออนไลน์ ได้ส่วนแบ่งตามยอดขาย รวมทั้งการจัดท่องเที่ยวเพื่อให้สมากชิกสนใจ เริ่มตั้งปลายเดือน ธันวาคมปี 2559
จนเดือนมกราคม 2560 ได้จดทะเบียนบริษัท และพาสมาชิกไปเที่ยวที่ฮ่องกง เพราะผู้ที่สนับสนุนที่เคยดูดวงให้อยู่ที่นั้น โดยผู้สนับสนุนรายนี้เป็นคนให้เงิน 50 ล้านเพื่อมาลงทุน
https://www.youtube.com/watch?v=C02y4Pp-ckQ&t=64s
“ต่อมาได้เริ่มพูดคุยกันว่าทำอย่างไรให้ยอดขายโตเร็ว เพราะสินค้าแต่ละตัวราคาค่อนข้างสูง ก็เลยคุยกันว่าต้องมีการโปรโมท เช่นในช่วงแรก ซื้อผลิตภัณฑ์ให้คนที่สมัครสมาชิกกินฟรี เมื่อกินแล้วดีก็จะบอกต่อให้คนอื่นทราบ จนสมาชิกคนใดสามารถทำยอดขายได้มาก ก็จะได้ไปเที่ยวที่อื่นๆ ด้วยแล้วแต่โปรโมชั่น แต่ที่มาดังเป็นพลุแตก คือประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ได้จัดทริปไปเมืองโอซาก้า 40 กว่าคน เป็นพ่อทีมแม่ทีม ซึ่งเสียค่าสมัคร 500 บาทเท่านั้น และได้ไปเที่ยวฟรี เมื่อคนที่ไปโอซาก้ากลับมาก็ได้มาโฆษณาให้เพื่อนๆ ทราบ จนกระทั่งอยากให้มีทริปเพิ่ม กระทั่งวันที่ 5 เมษายน ตนได้จัดทริปอีกครั้งไปโอซาก้า 200 คน ยืนยันว่าไม่เคยโปรโมททริปทัวร์ จะบอกเสมอว่าเราขายสินค้าอาหารเสริม เมื่อสมาชิกเข้ามาซื้อสินค้า เราจะพาไปเที่ยว แต่เนื่องจากมีพ่อทีมแม่ทีมหลายสาย ไปชักชวนเพื่อนๆ มาจำนวนมากจนไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมได้อย่างละเอียด”
“เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 มีการจองตั๋วเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว ได้แยกเป็นกลุ่มๆ ไว้ ซึ่งตนได้ให้ทางนายทุนที่อยู่ฮ่องกงเป็นคนประสานให้ และจะมีการจัดสรรที่นั่งมาให้ว่าแต่ละคนจะได้นั่งที่นั่งอะไร เที่ยวบินใด ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าไม่สามารถเช่าเหมาลำจากประเทศไทยไปที่โอซาก้าได้ มาทราบทีหลังว่าต้องทำเรื่องจองล่วงหน้า 3-5 เดือน ส่วนเงินจากผู้เสียหาย 500 กว่ารายที่มาร้องเรียนที่ บก.ป. ไม่ได้อยู่ที่ตน แต่ถูกปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบสินค้า ซึ่งการคืนเงินให้ผู้เสียหายต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้เสียหายสมัครที่แม่ทีมคนใด และให้นำหลักฐานมายืนยันจึงจะคืนเงินได้”
“สาเหตุที่ไปอยู่ระนอง ตอนแรกได้เตรียมตัวจะไปสนามบินแล้ว ซึ่งก่อนเดินทางไปได้ไลน์ไปคุยกับสมาชิกบางคนว่าจะไปถึงสนามบินประมาณเที่ยงคืน แต่สมาชิกไปถึงสนามบินเร็วกว่ากำหนดเวลาเดิมที่นัดหมายไว้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์โกลาหลอะไรที่สนามบิน แต่มีแม่ทีมได้ไลน์มาบอกว่าอย่าเพิ่งไปที่สนามบิน อาจจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมา ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี แต่ได้ไปปรึกษากับเพื่อนว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างที่สามารถนำมาประกันตัวได้ และชดใช้ค่าเสียหายบางส่วนเท่าที่จะทำได้”
“สำหรับกรณีคลิปเสียง มีการนำสมาชิกของบริษัทเข้าเฝ้า และจะมีบุคคลพิเศษจากสำนักพระราชวังมาเป็นประธานเปิดงานให้กับบริษัทนั้น ทางออร์แกไนซ์ผู้จัดงานเป็นคนดำเนินการให้ทั้งหมด ระบุว่าจะทำหนังสือเชิญบุคคลสำคัญในสำนักพระราชวังมาเปิดงาน ทราบว่าเป็นหม่อมเจ้า แต่ตนจำชื่อไม่ได้
ส่วนที่เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็นความเชื่อ ไม่ใช่เพราะต้องการหนีคดี ซึ่งชื่อนามสกุลล่าสุด รวมเลขศาสตร์ได้ 97
ขณะเดียวกันสังคมออนไลน์ได้แชร์คลิปซินแสโชกุนพูดบนเวที และพูดคุยกับสมาชิกบริษัทว่า และให้ไปเซลฟี่กันบนเครื่อง โดยน่าจะเป็นการบรรยายก่อนที่ลูกทีมจะเดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นความยาวประมาณ 20 นาที มีใจความว่า
“ผมคือผู้ก่อตั้งบริษัท Wealth Ever ที่มาของคนนี้ก็คือ Wealth หมายถึง ความมั่งคั่ง Ever หมายถึง สม่ำเสมอ มีสัญลักษณ์เป็นเรือให้ความเป็นธุรกิจระดับนานาชาติ ผมอยากจะพาบริษัทไปให้ถึงฝั่งฝันและเราจะนั่งเรือลำนี้ไปให้ถึงที่หมาย ผมเคยยกเลิกการไปพูดบรรยายที่มาเก๊าที่ได้เงินค่าหัวคนละ 600 บาท เพื่อมาพาลูกทัวร์ 40 คน ไปเที่ยวที่โอซากาประเทศญี่ปุ่นด้วยราคาคนละ 500 บาท และผลจากการทำครั้งนั้นทำให้พวกเขาสมัครสมาชิกร่วมกับบริษัทของเราทั้งหมด ผมยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นบริษัทขายทัวร์ แต่เราเป็นบริษัทที่ชวนให้คุณมาลงทุนกับเรา และจะพาไปอีก เหมาเครื่อง 11 ลำ โดยไม่ต้องมีตั๋ว จัดกระเป๋ามาได้เลย
https://www.youtube.com/watch?v=QSD5s-gubt0&feature=youtu.be
นอกจากนี้ยังมีอีกคลิปเสียงของซินแสโชกุน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือบก.ปอท. อยู่ระหว่างตรวจสอบ กรณีที่ซินแสพูดว่าจะนำสมาชิกของบริษัทฯเข้าเฝ้าและจะมีบุคคลพิเศษจากสำนักพระราชวังมาเป็นประธานเปิดงานให้กับบริษัทด้วย ว่าจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่