เครื่องบินไร้คนขับ มาแน่ในอนาคต ประหยัดต้นทุน ค่าตั๋วถูกลง
เครื่องบินไร้คนขับ เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามามีบทบาท โดยในตอนนี้มีหลายบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนผลิตและทำการทดลองบิน พบว่ามีส่วนหนึ่งประสบความสำเร็จในสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้แล้ว แต่จากการสำรวจกลับพบว่าผู้โดยสารส่วนมากยังคงไม่ไว้วางใจกับเทคโนโลยีนี้ แต่ก็ยังมีบางส่วนในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คิดแง่บวกต่อเครื่องบินไร้คนขับอยู่เช่นกัน
เครื่องบินไร้คนขับ เป็นเทคโนโลยีที่ในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการทดสอบและการวางแนวคิด โดยที่บริษัท Lilium Aviation ก็ได้ทำการทดสอบเครื่องบินต้นแบบขนาดเล็กจำนวน 2 ที่นั่ง ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถบินขึ้นลงในแนวดิ่งได้สำเร็จ ส่วนบริษัท Urban Aeronautics ที่เมือง Tel Aviv ประเทศอิสราเอล ก็ได้วางแผนสร้างเครื่องบินขนาดเล็ก 4 ที่นั่งโดยใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยมีชื่อว่า Flying car คาดว่าจะเริ่มสร้างในปี 2022 ส่วนบริษัท Airbus Defence and Space ก็เพิ่งจะผ่านพ้นการทดสอบเครื่องบินแบบไร้คนขับรุ่น Sagitta ไปและสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สามารถบินแบบไม่มีผู้ผู้ควบคุมได้นาน 7 นาที ผ่านเส้นทางที่ได้กำหนดไว้เหนือเขต Overberg ในแอฟริกาใต้
จากความคืบหน้าของหลายบริษัทแสดงให้เห็นว่าอนาคตเครื่องบินไร้คนขับจะต้องเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงแน่นอน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดต้นทุนลงไปได้มากในธุรกิจการบิน คาดว่าเครื่องบินไร้คนขับจะสามารถประหยัดงบลงไปได้ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 997,500 ล้านบาท) เพราะไม่ต้องจ้างนักบินแถมยังไม่ต้องมีการอบรมนักบินซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และต้นทุนที่ลดลงส่วนนี้จะกลายเป็นประโยชน์แก่ผู้โดยสารเอง ซึ่งค่าตั๋วเครื่องบินจะถูกลง คาดว่าในยุโรปจะถูกลง 4% และในสหรัฐอเมริกาจะถูกลงถึง 11% เลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นในด้านของผลสำรวจผู้โดยสารถึงการใช้บริการเครื่องบินไร้คนขับ ยังพบว่าจำนวนมากไม่ไว้วางใจเท่าที่ควร โดยได้ทำการสอบถามจากคนทั้งหมด 8,000 คน พบว่าเกินครึ่งไม่พึงประสงค์ที่จะนั่งเครื่องบินไร้คนขับ มีเพียง 17% เท่านั้นที่ยินดีกับการนั่งเครื่องบินไร้คนขับที่ว่ามานี้ แต่อัตราคนที่ยินดีจะสูงขึ้นทันทีถ้าหากจำกัดกลุ่มคนที่สำรวจเฉพาะในกลุ่มที่มีอายุ 18-24 ปี พบว่ามี 27% ที่ยินดีนั่งเครื่องบินไร้คนขับ และหากแบ่งกลุ่มคนสำรวจในช่วงอายุ 25-34 ปีตัวเลขผู้ยินดีใช้บริการเครื่องบันไร้คนขับจะกลายเป็น 31%
ทั้งนี้ยังสามารถแบ่งกลุ่มคนออกเป็นประเทศต่างๆ ได้อีกด้วย ถึงผลตอบรับในเทคโนโลยีเครื่องบินไร้คนขับ พบว่าประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส ที่ไม่ยินดีกับเครื่องบินไร้คนขับเอาเสียเลย (มีผู้ยินดีเพียง 13%) ส่วนในสหรัฐอเมริกาจะชื่นชอบเรื่องนี้กันมากกว่า โดยมีผู้ยินดีอยู่ 27%
ทีมวิจัยยังมีความคาดหวังว่าเครื่องบินไร้คนขับจะสามารถทำงานได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและสามารถแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดจากการควบคุมเครื่องบินของมนุษย์ได้ ทั้งยังคาดว่าเครื่องบินไร้คนขับจะสามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมได้ดีกว่าอีกด้วย โดยเบื้องต้นเครื่องบินไร้คนขับน่าจะถูกใช้งานในการรับส่งระยะใกล้และมีผู้โดยสารจำนวนน้อยก่อน (Air Taxi) รวมถึงใช้ในการขนส่งสินค้า