มีคดีฆาตกรรมสะเทือนใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ เมื่อคุณแม่ที่มีอาหารเครียดจากปัญหาส่วนตัว ตัดสินใจฆ่าผูกคอลูกสาวตัวเองวัย15ปี ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จากนั้น ก็นั่งเฝ้าศพลูกสาวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนที่จะเป็นคนที่โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เอง ขณะที่ญาติบอกว่า หญิงสาวรายนี้ มีอาการป่วยทางประสาทและเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี โดยเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สำหรับคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งจากนาง ยลวดีว่า ลูกสาวได้เสียชีวิต หลังจากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และจากการสอบถามผู้เป็นแม่ จึงทราบว่า ได้ผูกคอลูกตั้งแต่เวลาประมาณ9โมง เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยหลังจากลูกเสียชีวิต จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ให้รับทราบ พร้อมกับระบายความในใจว่า หลังจากสามีเสียชีวิตไปได้ประมาณ 3 ปี ก็ทำงานเป็นแม่บ้าน โดยมีรายได้ไม่แน่นอน เวลาไปทำงานก็จะทิ้งลูกไว้ที่บ้าน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในห้องยังพบยาไดซีแพม วางอยู่บนโต๊ะและเตียงจำนวนหลายเม็ด และอีก 1 เม็ดตกอยู่กับพื้น
จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.ยลวดี เคยมีประวัติเข้ารับการรักษาอาการที่ รพ.ประสาท เพราะป่วยมีอาการทางจิต โดยพบว่ามีบัตรของทางสถาบันประสาทวิทยา ออกให้ เมื่อปี 2557 สันนิษฐานว่ามีอาการป่วย ซึ่งก็ต้องนำมาวินิจฉัยด้วย และถ้าหายเป็นปกติแล้ว ก็เหมือนคนปกติทั่วไป แต่ถ้ามีอาการป่วยโดยไม่รู้ตัว ก็จะต้องมีการพิสูจน์ทราบว่ารู้ตัวหรือไม่ขณะทำ ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้ลงความเห็นว่า นางยลวดี เป็นผู้ป่วยหรือไม่ และรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางศาลจะเป็นผู้พิจารณา และหลังจากก่อเหตุแล้ว นางยลวดี ได้กินยาเพื่อจะฆ่าตัวตายด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่า กินยาไปจำนวนเท่าใด โดยการกระทำของ น.ส.ยลวดี ดูแล้วเกิดจากสภาวะความเครียด แต่วิธีการไม่ควรจะใช้วิธีการแบบนี้ มันเป็นความสูญเสีย ทุกคนมีคุณค่า เพราะกฏหมายทำแบบนี้ก็มีความผิด ยกเว้นพวกจิตฟั่นเฟือน
จากการตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุพบจดหมายที่ น.ส.ยลวดี เขียนทิ้งเอาไว้ โดยมีใจความว่า “ขอความกรุณา ยลวดี เป็นอะไรไปขอความเมตตาโทรรถฉุกเฉิน หาก ยลวดี มีอะไรเกิดขึ้นหรือตายไปแล้วให้โทรบอกแม่ หรือพี่สาว นอกจากนี้ ยังพบบัตรนัดผู้ป่วยวันที่ 18 มกราคม 2561 ที่คลินิกจิตเวช สถาบันประสาทวิทยา สาเหตุที่นัดหมายคือ ติดตามอาการของ น.ส.ยลวดี
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวไบรท์นิวส์ได้ติดต่อไปหาพี่สาวตามเบอร์ ที่ระบุอยู่ในจดหมายลาตาย จากการ พูดคุยทางโทรศัพท์ กับนางสมจิตร สายเคลือคำ โดยเล่าให้ฟังว่า ได้คุยกับน้องสาว ล่าสุดเมื่อคืน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าก่อเหตุมา เพลงเก่าพูดคุยกันตามปกติ โดยตั้งแต่ สามีของน้องสาวเสียชีวิตลง ก็เริ่มมีอาการทางประสาท ต้องกินยาระงับประสาททุกวัน และมักโทรมาระบายให้ตนฟังและชอบพูดเรื่องคิดที่จะฆ่าตัวตายอยู่บ่อยๆ ส่วนหลานสาวที่เสียชีวิตนั้น ป่วยเป็นโรคออทิสติกตั้งแต่เกิด เมื่อก่อน ใครอยู่ในการดูแลของศูนย์ บ้านราชาวดีหญิง แต่ทางน้องสาวตน รับตัวกลับมาดูแลเองที่บ้าน และไม่เคยล่ามโซ่ อย่างที่เป็นข่าว ส่วนสาเหตุ น่าจะเกิดจากความเครียด
ทีมข่าวได้ไปสอบถามเพื่อนข้างห้องนางยลวดี ก็ทราบว่า ที่ผ่านมา นางยลวดี ไม่เคยมาเล่าปัญหาส่วนตัวให้ฟังเลย เจอกับนางสาวยลวดีทุกวัน มีแค่มาเล่าเรื่องอาการป่วยของลูกสาวแค่นั้น ว่า ลูกสาวนางยลวดีมีอาการป่วอย่างไร เช่น ปัสสาวะตลอดเวลา ลูกสาวควบคุมร่างกายไม่ได้ ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่า นางยลวดี จะคิดสั่นฆ่าลูกสาวตายและฆ่าตัวตายตาม