หนุ่มเบ๊นซ์เปิดประทุนกระทืบรปภ.เข้ามอบตัวแล้ว ยอมรับผิดทำร้ายร่างกาย พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย ตร.ตรวจสอบใบอนุญาตฯพกพาอาวุธปืน
จากกรณีปรากฎภาพจากกล้องวงจรปิด ชายขับรถเบนซ์เปิดประทุน มาจอดที่ป้อมยามโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต โดยมีชายอีกหนึ่งคนนั่งมาด้วย ก่อนที่ชายคนขับได้ลงไปกระชากคอ รปภ.จากนั้นได้ต่อยเข้าที่ใบหน้าของ รปภ.จนล้มทั้งยืนกองกับพื้นถนน และยังกระทืบและเตะซ้ำอีกหลายครั้งจน รปภ.สลบคาที่ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้ขับรถออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ล่าสุดวันนี้ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
นายชนะ ธรรมวิชัย อายุ 37 ปี เจ้าของธุรกิจในพื้นที่หาดป่าตอง ซึ่งเป็นชายคนขับรถเบ๊นซ์ ผู้ก่อเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง เชิญตัวมาให้ปากคำ โดยนายวันชนะเล่าว่า วันเกิดเหตุประมาณ 05.00 น. วันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ได้ขับรถไปส่งลูกค้า ที่โรงแรมดังกล่าว ซึ่งประตูทางเข้าไม่มีคนเฝ้าหรือมีการปิดรั้วกั้น ก็เลยขับเข้าไปตามปกติ
เมื่อเข้าไปถึงหน้าฟรอนด์ของโรงแรม ลูกค้าจะลง ก็มีรปภ.เดินมาบอกว่าให้ตนกลับไปทางออกเพื่อเอาตั๋วจอดใหม่ ผมก็บอกว่าผมมาถึงนี้แล้ว ขอเวลาแป็บนึงเอาลูกค้าลงก่อน และขอให้ช่วยดูแลลูกค้าก่อนแทนที่จะสนใจเรื่องบัตรจอด เข้าก็บอกว่า ไม่ได้ตามกฏพี่ต้องกลับไปเอา ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินรถทางเดียว และระยะทางไกล ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้จอดรถไว้และเดินกลับไปเอา ซึ่งตนคิดว่าขณะนั้นมันไกลและเวลาตี 5 รวมถึงคิดว่าเค้าจะต้องคิดถึงแขกเป็นเรื่องหลัก จึงโมโห ต่อว่าว่า ทำงานอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมเข้มขนาดนี้แต่ไม่มีคนยืนเฝ้าตรงทางเข้า หรือเอาไม้กั้นไม่ใช่ทำแบบนี้
หลังจากนั้นจึงเรียกรปภ.มาใกล้ให้ช่วยพยุงนทท.ขึ้นโรงแรม แต่รปภ.ก็ยังทวงถามแต่เรื่องบัตรจอด จนลูกค้าต่างชาติถามว่า มีปัญหาอะไร ตนเองได้เล่าให้ฟังว่าเค้าให้กลับไปเอาบัตรจอดแทนที่จะดูแลจนลูกค้าไม่พอใจ และขอให้ขับรถออกไปเพราะไม่อยากพักที่นี่แล้ว ตนจึงขับรถพาลูกค้าออกไป ระหว่างทางไปถึงทางออก ตนได้ยินวิทยุสื่อสารของรปภ.ที่อยู่ตามจุดสนทนากัน ว่ามันใหญ่มาจากไหนอย่าให้มันออก สกัดไว้ก่อน เมื่อไปถึงหน้าป้อม จึงลงไปถามว่าพวกคุณมีอะไรกันนักหนาแค่มาส่งลูกค้า ถ้าเข้มขนาดนั้นต้อง มี รปภ.อยู่ข้างหน้า ซึ่งจนท.ตอบว่าประตูเสีย
สุดท้ายตนถามไปว่าตกลงจะเปิดมั้ย รปภ.ตอบว่าไม่เปิด ต้องไปเอาบัตรจอดมาก่อน จึงโมโหจะเข้าไปกระชากคอเสื้อ ซึ่งตนอยู่ข้างนอก รปภ.อยู่ในตู้ ตอนกระชาก รปภ.ได้พยายามต่อยสวนมา แต่ตนได้หลบและต่อยไปหนึ่งครั้ง ซึ่งขณะนั้นในคลิปอาจจะไม่เห็น จากนั้นตนเองได้เดินไปที่ประตูด้านหลังและดึงรปภ.คนดังกล่าวออกมา เพื่อมาคุยว่าทำไมไม่ยอมเปิด จากนั้นตนเองพยายามดัน รปภ.ขึ้นรถเพื่อจะพาเค้ามาคุยที่โรงพัก
อย่างไรก็ตาม ตนเองก็ยอมรับผิดตลอดข้อกล่าวหาที่ทำร้ายร่างกาย และพร้อมเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย แต่วันนี้ทางผู้เสียหายยังไม่มา และยังติดต่อคู่กรณีไม่ได้ และเหตุการณ์นี้ถ้าถามว่าใครทำก่อนนั้น ตนเองยอมรับว่าไปกระชากคอเสื้อรปภ.ก่อน และยอมรับว่าสติไม่ค่อยมี เพราะทำงานดึกและลากยาวหลายชั่วโมง พักผ่อนน้อย ประกอบกับดื่มมาเล็กน้อยทำให้ขาดสติ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สถานที่เกิดเหตุพบว่า ที่บริเวณทางเข้าออกของโรงแรม มีเจ้าหน้าที่รปภ.มาทำงานตามปกติ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รปภ.ที่ถูกทำร้ายรายดังกล่าวมาทำงาน โดยทางโรงแรมมีคำสั่งให้พนักงานโรงแรมและเจ้าหน้าที่รปภ.ซี่งเป็นบริษัทเอาท์ซอส งดให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน และได้เยียวยาช่วยเหลือ รปภ.คนดังกล่าวไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมไปยัง พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ก่อเหตุบอกว่า ปืนที่ใช้ในการข่มขู่นั้นเป็นปืนบีบีกัน และผู้ก่อเหตุก็มีปืนจริงขนาด 9 มม.ด้วย 1 กระบอก ซึ่งเก็บไว้ที่บาร์เบียร์ และได้มีการนำปืนทั้งสองกระบอกมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้บาดเจ็บมาให้การด้วยว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นกระบอกใด เพราะทั้งสองกระบอกมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ซึ่งก็ได้สั่งการพนักงานสอบสวนไปแล้วว่า ให้ตรวจสอบด้วยว่า สำหรับปืนจริงนั้นมีใบอนุญาตพกพาหรือไม่