ทหาร กอ.รมน. จ.นครนายก สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซ้อนแผนจับแก๊งอ้างเป็นทหารอุ้มกรรโชกทรัพย์ พบผู้เสียหายหลายราย
โดยผู้เสียหายหลังจากที่ได้เข้าร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม ทาง กอ.รมน.จังหวัดนครนายก จึงได้มีการวางแผนสนธิกำลังหลายฝ่าย โดยวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองแฝงตัวอยู่ในบ้านของผู้เสียหาย เนื่องจาก1ในแก๊งได้มีการโทรศัพท์มาข่มขู่เพื่อขอเก็บเงินจากผู้เสียหายจำนวน 6 หมื่นบาท แต่ผู้เสียหาย โดยบอกว่ามีเงินไม่ถึง ทำให้ทางกลุ่มดังกล่าวพูดแบบไม่พอใจ บอกว่าจะเข้าไปหาผู้เสียที่บ้านเพื่อที่จะมาเอาเงินบางส่วนไปก่อนหรือโอนให้ แต่ผู้เสียหายที่รู้กันกับเจ้าหน้าที่ ไม่ยอมโอนให้ โดยอ้างว่าโอนเงินผ่านธนาคารไม่เป็น ทำให้1ในแก๊งดังกล่าวบอกว่าจะเข้าไปหาที่บ้านเอง เจ้าหน้าที่จึงได้มีการเตรียมความพร้อม แต่ก็ไม่พบแก๊งดังกล่าว
ต่อมาช่วงเช้าของวันที่16กุมภาพันธ์ ได้มีโทรศัพท์โทรมาหาผู้เสียหายอีกครั้ง บอกว่าเตรียมเงินให้พร้อมจะส่งคนเข้ามารับที่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นได้วัยรุ่นคนหนึ่งมาที่หน้าบ้านผู้เสียหาย เพื่อมาเก็บเงิน แต่ถูกผู้เสียหายล็อคตัวไว้ได้และรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม ก่อนขยายผลบุกรวบได้อีก 1 คน ซึ่งมีหมายจับในคดีกรรโชกทรัพย์อยู่แล้ว
โดยผู้เสียหายรายนี้เล่าว่า ตั้งแต่ตนเองออกจากเรือนจำมาในข้อหาคดียาเสพติด ก็มาอยู่ที่บ้านของตนเองที่อำเภอองครักษ์ และมีกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาหาตนที่บ้านและมาพูดคุยเกี่ยวกับที่ตนเองหลังจากพ้นโทษมาแล้วยังไม่เลิกขายยาอีก ซึ่งในครั้งนั้นตนโดนเรียกเงินไปจำนวน 40,000 บาท และมีการขอเรียกเก็บเป็นเดือนๆ ถ้าไม่ให้กลุ่มชายฉกรรณ์ดังกล่าว ก็จะทำร้ายร่างกายและทำร้ายทรัพย์ที่อยู่ในบ้าน อีกทั้งยังเคยถูกอุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงิน 4 แสนบาท ภรรยาของตนต้องยอมขายทองและทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อนำเงินไปแลกตนเอง และหลังจากครั้งนั้นก็มีการโทรศัพท์มาข่มขู่เพื่อขอเก็บเงินอยู่หลายครั้ง จนตนเองทนไม่ไหวจึงได้นำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงค์ธรรม
จากนั้นขยายผลต่อไปอีกและสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนได้อีก 2 คน พร้อมรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ จากการตรวจค้นพบชุดเครื่องแบบทหาร ป้ายสัญญาลักษ์ กอ.รมน.ด้านนอกตัวรถได้มีการติดโลโก้ของโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร.และสติ๊กเกอร์ของหน่วยงานทหารอีกจำนวนมาก จึงควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.องครักษ์
หลังจากที่มีการจับกุมแก๊งกรรโชกทรัพย์ดังกล่าวและมีคนเอาภาพไปเผยแพร่ตามเฟสบุ๊คก็ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากตามมาดูตัวและลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เพราะว่าเคยถูกแก๊งนี้อุ้มไปเรียกเงินเหมือนกัน
โดย 1ในผู้เสียหายเล่าว่า ตนเองมีอาชีพขายของชำอยู่ที่บ้านในอำเภอองครักษ์ โดยวันที่เกิดเหตุประมาณเดือนกันยายนปี 2560 ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถมาที่บริเวณหน้าบ้าน และบอกว่าตนเองเป็นเจ้ามือหวยรายใหญ่ จากนั้นได้ขอค้นภายในบ้าน จนมาเจอแผ่นกระดาษที่สามีของตนเขียนการคำนวนเกี่ยวกับธุรกิจการทำเหล็กเอาไว้ และถูกกล่าวหาตนเองทำหวยเถื่อน จึงขอควบคุมตัวขึ้นรถ อ้างว่าจะไป สภ.องครักษ์ แต่ระหว่างทาง1ในแก๊งดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับตนเองบนรถว่า ให้ตนเองหาเงินมาจำนวน 5 หมื่นบาท ตนเองบอกไม่มี แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ต่อรองว่าเอาแค่ 3 หมื่นบาท
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกัน คือแก๊งดังกล่าวประมาณ7-8คน ใช้รถยนต์จำนวน 3 คัน บุกจู่โจมเข้าไปที่โต๊ะสนุกแห่งหนึ่งในอำเภอองครักษ์ และทำทีตรวจค้นหายาเสพติดตนกับเพื่อนรวมกันจำนวน 4 คน หลังจากตรวจปัสสาวะพวกตนก็ไม่พบสารเสพติดใด แต่พบแผ่นฟรอยด์ที่แก๊งดังกล่าวได้อุปโหลกขึ้นว่าพวกตนได้เสพยา จึงได้ควบคุมตัวพวกตนทั้งหมดแยกกันขึ้นรถไป โดยตนเองถูกเรียกเก็บเงิน5หมื่นบาทแต่ตนเองบอกไม่มี จนมีการขู่ว่าจะยิงทิ้งข้างทางด้วยความกลัวจึงโทรศัพท์ยืมเงินได้จำนวน3หมื่นกว่าบาท โดยให้โอนผ่านบัญชีหลังจากนั้นจึงได้ตนและเพื่อนๆไปปล่อยที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์องครักษ์ ส่วนเพื่อนของไม่มีเงิน จึงถูกทำร้ายร่างกายโดยใช้ปืนตบเข้าไปที่ใบหน้า ซึ่งนอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก