“เบ๊นซ์”กลับคำรับสารภาพ คดี”เปรี้ยว หั่นศพ”

“เบ๊นซ์” ผู้ต้องหาพัวพันแก๊งฆ่าหั่นศพ เผยเหตุกลับคำรับสารภาพในชั้นศาล ยอมรับผิดข้อหารับของโจร ด้านทนายเผยยังเหลือนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์อีก 5 นัด

ความคืบหน้าในการสืบพยานฝ่ายโจทก์ในคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม ที่มีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว พร้อมพวกอีก 4 คน ซึ่งศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดให้พยานฝ่ายโจทก์ เข้าเบิกความนัดแรกในวันนี้ โดยกระบวนการสืบพยาน เริ่มขึ้นในเวลา 10.30 น. ก่อนจะเสร็จสิ้นลงในเวลา 16.30 น. โดยการสืบพยานในวันนี้มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เท่านั้นที่ได้เข้าเบิกความ ซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยจะมีการสืบพยานในประเด็นที่เหลืออีกครั้งในวันพรุ่งนี้

ภายหลังการสืบพยานนัดแรกแล้วเสร็จ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว , น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น , น.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ , นายวศิน นามพรหม หรือ นิว เจ้าหน้าที่เรือนจำขอนแก่น ได้ควบคุมตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังกลับเข้าเรือนจำขอนแก่น ส่วน น.ส.จิดารัตน์ หรือเบ๊นซ์ ผู้ต้องหารับของโจร ซึ่งได้ได้รับการประกันตัวในระหว่างสู้คดี ได้เดินทางกลับบ้านไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อน

โดยในระหว่างที่ น.ส.เบ๊นซ์ กำลังเดินขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามถึงสาเหตุในการกลับคำรับสารภาพ โดยยอมรับผิดในข้อหารับของโจร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว
โดยได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ต้องการให้เรื่องจบเร็วๆ” ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นรถส่วนตัวขับออกไป

ด้านนายธนัญชัย วงศ์ซ้าย ทนายความฝ่ายจำเลย เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับ น.ส.เบ๊นซ์ ถึงสาเหตุในการรับสารภาพในข้อหารับของโจร เนื่องจากพิจารณาแล้วเป็นคดีโทษไม่สูง และโทษหนักอาจกลายเป็นเบา จึงรับสารภาพในวันนี้ อย่างไรก็ดี น.ส.เบ๊นซ์ ยังคงมีสถานะเป็นจำเลย ไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินคดีกับผู้ต้องหาที่ร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.แอ๋ม และ น.ส.เบ๊นซ์ ยังต้องเดินทางมาตามที่ศาลนัด จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด

ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเป็นการสืบพยานโจทก์ในนัดที่ 2 เริ่มในเวลา 09.30 น. โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คน จะต้องถูกควบคุมคุมตัวมาที่ศาลจังหวัดขอนแก่นด้วย เพื่อร่วมรับฟังการนำสืบพยานฝ่ายโจทก์ต่อ ซึ่งอัยการโจทก์จะสืบพยานฝ่ายโจทก์ ปากที่ 2 คือ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง ในประเด็นที่เหลือ เนื่องจากการนำสืบในวันนี้สามารถนำสืบได้ถึงเหตุการณ์ในการจับกุมตัวนายวศิณ นามพรม เท่านั้น ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นที่อัยการจะซักถามให้ครบถ้วน ก่อนที่จะเบิกตัวพยานคนอื่นๆ เข้าสืบในลำดับถัดไป