แจ้งข้อหาก๊วนซ่าด่าตำรวจ ยอมรับข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน วอนสังคมเข้าใจถูกกระทำก่อน
พันตำรวจเอกอรรฆพงษ์ สุนทรวิภาค ผู้กำกับการ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญตัว ผู้ที่ก่อเหตุ คือ นายพยอม แสงวันดี อายุ 32 ปี และนางหทัยรัตน์ สมถวิล อายุ 35 ปี มารับทราบข้อกล่าวหา ดูหมิ่นและขัดขวางต่อสู้เจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเบื้องต้นทั้งสองคนให้การปฏิเสธ โดยในส่วนของระยะเวลาในการดำเนินคดี จะอยู่ในห้วงของการฝากขังได้ 4 ผัด ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้ได้พอสมควรแล้ว
สำหรับผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด ที่คาดว่ามีประมาณ 6-7 คนในวันก่อเหตุ เจ้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีทุกคน ไม่มีการละเว้นใดๆทั้งสิ้น เบื้องต้นจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ 3 คน คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นลูกชาย ของนายพยอม กับ นางหทัยรัตน์ โดยได้แจ้งแจ้งข้อกล่าวกับนายเอไปแล้ว ในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ โดยหลังจากแจ้งข้อกล่าวหาก็ได้ปล่อยตัวไป
ขณะที่ทางด้าน นางหทัยรัตน์ ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เหตุการณ์ในวันนั้น ได้จอดรถในที่ห้ามจอด จากนั้นลูกน้องได้เดินมาบอกว่า ตำรวจจะมาเขียนใบสั่ง จากนั้นตำรวจว่าให้ขยับรถออกไปเพราะว่าขวางตรงทางยูเทิร์น จึงได้เลื่อนรถไปตรงเส้นขาวแดง และให้เขาเขียนใบสั่งมา แต่เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจค้นตัวนายพายัพ แสงวันดี อายุ 23 ปี ญาติที่อยู่ในเหตุการณ์ แฟนของตนจึงบอกว่าก่อนจะตรวจค้นให้แสดงความบริสุทธิ์ใจก่อน จึงเกิดการไม่พอใจกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็พยายามให้ลงจากรถ และกระแทกประตูรถเข้ามา 1 ครั้ง ก่อนจะเริ่มมีปากเสียงกับทางตำรวจ ซึ่งตนก็ถูกผลักที่หน้าอกด้วย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มถ่ายคลิปไว้ และปรากฎตามโซเชียลในเวลาต่อมา
นางหทัยรัตน์ เปิดเผยว่าอีกว่า ตนเข้าใจว่าทำผิด แต่ก็อยากให้สังคมเข้าใจด้วยเหมือนกันว่า เพราะเหตุใดจึงต้องกระทำเช่นนั้น ซึ่งในวันนี้ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ร่วมกัน ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และขอต่อสู้ในชั้นศาลเพียงอย่างเดียว
ส่วนนายพยอม กล่าว่า วันนี้รับสารภาพในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เพราะใช้คำพูดที่แรงเกินไป แต่ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานขอให้การปฏิเสธ
ด้านนายเอ เล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากบันดาลโทษะ ในขณะที่เกิดการชุลมุน เป็นห่วงแม่ที่กำลังท้องได้3 เดือน จึงไปผลักเจ้าหน้าหน้าที่ออกให้ห่างจากแม่ จึงเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น
ขณะเดียวกัน นายพายัพ แสงวันดี อายุ 23 ปี หนุ่มที่นั่งมาด้วยในรถกระบะคันดังกล่าว ได้เผยอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าย้อนเวลาได้ก็ไม่อยากให้เกิด ซึ่งตอนนี้ก็ต้องตกงาน เนื่องจากพอเกิดเหตุ ทางบริษัทต้นสังกัดได้สั่งให้หยุดงานในทันทีโดยแจ้งว่านำชุดพนักงานที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุไปก่อเหตุทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหาย จึงขอระงับการจ้างงานไว้ก่อน