ตำรวจ-ทหารสนธิกำลัง รปภ.การเคลื่อนย้ายทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชกว่า 30 กิโลกรัม เพื่อนำไปหลอมแผ่เป็นกลีบบัวทองคำบูรณะปลียอดพระบรมธาตุ
ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 41 สนธิกำลังพลกว่า 20 นายติดอาวุธครบมือเข้ารักษาความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายทองคำน้ำหนักรวมกว่า 30 กิโลกรัม ซึ่งเป็นทองคำโบราณที่ช่างสิบหมู่กลุ่มงานโลหะประณีตศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ปลดออกมาจากกลีบบัวคว่ำบัวหงายบนปลียอดทองคำองค์พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหารวิหาร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช รวม 18 กิโลกรัม พร้อมกันนั้นยังมีทองคำใหม่อีก 14 กิโลกรัม ซึ่งถูกนำมาเก็บรอไว้ที่ห้องนิรภัยในพระวิหารธรรมศาลา
โดยทองคำทั้งหมดเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้ร่วมกันตรวจสอบและเคลื่อนย้ายไปยังสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในจังสงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ในการหลอมทองคำและตีแผ่ขึ้นรูปเป็นแผ่นกลีบบัวทองคำให้มีความสมบูรณ์ตามการถอดแบบของกรมศิลปากร หลังจากนั้นจะนำกลับมาขึ้นไปติดตั้งกลับคืนตามแผนการบูรณะอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในการขนย้ายออกจากห้องนิรภัยเบื้องต้นนั้นมีคณะกรรมการและส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปทำการตรวจสอบน้ำหนักทองคำซึ่งเก็บไว้ในห้องนิรภัย ขณะเข้าตรวจสอบมีกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือเข้าตรึงกำลังอย่างหนาแน่น โดยไม่ยอมให้บุคคลภายนอกรวมเข้าไปภายในวิหารธรรมศาลา เนื่องจากหวั่นเรื่องความปลอดภัย
พลตำรวจตรีวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่าทองคำทั้งหมดมีเป็นจำนวนมากถือเป็นสมบัติของชาติ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนายมีการติดอาวุธเต็มอัตราระวังรักษาความปลอดภัยทองคำทั้งหมดจนกว่าจะเดินทางไปถึงยังสถานที่ดำเนินการ ซึ่งในเส้นทางทั้งหมดมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มอัตรา
สำหรับการบูรณะกลีบบัวทองคำนี้เป็นครั้งล่าสุดหลังจากการบูรณะครั้งที่ผ่านมาเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาความชื้นไปกัดกร่อนตะกั่วที่ถูกหุ้มบุรองแผ่นทองคำจนเกิดคราบคล้ายสนิม สร้างความวิตกกังวลให้พุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งได้มีการขึ้นตรวจสอบและทำการบูรณะอย่างเร่งด่วนโดยในการนี้นายจิมมี่ ชวาลา เศรษฐีชาวนครศรีธรรมราช ได้บริจาคเงินอีกเกือบ 30 ล้านบาทเพื่อซื้อทองคำขึ้นบูรณะเสริมเพิ่มอีกด้วย