นี่ก็เป็นเรื่องของร่างทรงอีกเหมือนกัน วันนี้ ทนาย ณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พาเหยื่อร่างทรงท้าวเมืองสุรินท์ เข้าร้องทุกข์ต่อพล.ต.ต.ไมตรี เฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบฯ เพื่อให้ดำเนินคดีกับร่างทรงท่านท้าวเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ ที่หลอกลวงโดยใช้กลอุบาย ทำนายทายทัก ว่ามีเคราะห์ ต่อมาก็ใช้ความเป็นพนักงานแบงค์ หลอกเหยื่อให้ฝากเงิน เพื่อที่จะได้สิทธิ์กู้ได้สิบเท่าของเงินฝาก ร่างทรงลวงโลกรายนี้ ได้ทรัพย์สินของเหยื่อไปรวมนับ 10 ล้าน บาท เพราะมีผู้เสียหายร่วมๆ 20 คน เหยื่อรายหนึ่งเป็นผู้หญิง มีอาชีพแค่ขับมอเตอร์ไซรับจ้าง แต่ถูกหลอกไปถึง 6 แสนบาทเลยทีเดียว
นางสาวคณนภัส แซ่เตีย มีอาชีพขี่จยย.รับจ้างอยู่ วินซอยพฤกษา 45 ย่านบางใหญ่ หนึ่งในเหยื่อเล่าว่า ได้รู้จักกับนายต่อศักดิ์ ร่างทรงท้าวเมืองสุรินทร์ที่ย้ายสำนักทรงไปเรื่อยทุกๆ 4 เดือน นางสาวคณนภัส เล่าว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานายต่อศักดิ์ให้ความหวังไว้ว่า สามารถกู้เงินรีไฟแนนซ์บ้านพักใหด้ในราคาสูงถึง 2 ล้าน นางสาวคณนภัส หลงเชื่อได้ไปกู้เงินนอกระบบ มาทยอยส่งให้ไปเป็นเงิน 6 แสนบาทแต่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้
จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจจับกุมตัวไปดำเนินคดี แต่นายต่อศักดิ์ ก็ยังประกันตัวออกมาก่อเหตุอีก โดยใช้อุบายเป็นร่างทรงทักและหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นคนให้ทำการสะเดาะเคราะห์ เมื่อคุ้นเคยกันแล้วก็ใช้ อุบายความเป็นอดีตพนักงานธนาคารหลอกเรียกเงินหรือทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งมีทั้งทองรูปพรรณและรถยนต์
เช่นเดียวกับนายก้าวหน้า ศรีสวัสดิ์ หนึ่งในผู้เสียหาย ที่บอกว่าบ้านอยู่ใกล้กันเลย ได้เล่าพฤติการณ์ของนายต่อ ว่าวันหนึ่งนายต่อได้ทักว่าหิ้งพระของออฟฟิศของเหยื่อวางผิดควรจะเปลี่ยนใหม่เพื่อการงานการเงินจะได้ดีขึ้น ซึ่งคุณก้าว ก็เชื่อแล้วก็เปลี่ยนตามที่นายต่อทัก ต่อมานายต่อเข้ามาในออฟฟิศอีกก็มาทักเหยื่อว่า หน้าตาเศร้าๆดูแล้วน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน เหยื่อก็บอกว่ามีปัญหาคือติดค่างวดรถอยู่ 4 งวด กำลังจะโดนยึด นายต่อจึงยื่นข้อเสนอว่าสามารถช่วยเหยื่อได้ เพราะเขาเป็นผู้ช่วยอยู่แบงค์(กรุงศรี)แห่งหนึ่ง โดยเสนอแนะว่า ให้นำเงินมาเปิดบัญชีกับทางแบ็งค์เท่าไหร่ก็ได้ จากนั้นก็จะสามารถกู้ได้ 10 เท่า ของเงินที่ฝากไปและไม่มีดอกเบี้ยถ้าจ่ายคืนตามวันที่กำหนดคือภายใน 7 วันหลังจากกดเงินออกมาใช้ ประมาณว่า
ฝากเงิน 30000 บาท กู้ได้ 10 เท่า คือ 3 แสนบาท
ฝากเงิน 100000 บาทได้ 10 เท่าคือ 1 ล้านบาท
ทีแรกเหยื่อตกลงที่จะฝากแค่ 3หมื่นบาท เพื่อที่จะกู้ได้ 3 แสนบาท แต่นายต่อบอกว่าถ้าไม่ลำบากเกินไปก็อยากให้ฝาก 1 แสนบาท เพราะจะกู้ได้ 1 ล้านบาทแล้วก็เอาเงิน 1 ล้านบาทนี้มาปิดภาระหนี้รถทั้งหมดซะแล้วจะได้มาผ่อนชำระเงินล้านกับทางแบ็งค์ทางเดียวโดยไม่ต้องเสียดอกอีก
เหยื่อก็เชื่อ จึงได้เอารถตัวเองไปจำนำไว้ที่เต็นท์รถเป็นเงิน 1 แสนบาท แล้วก็เอาเงินใส่ซองพร้อมเอกสารส่วนตัว ไปให้นายต่อที่บ้าน
จากนั้นไม่กี่วันนายต่อ ได้โทรมาแจ้งว่าเหยื่อขาดส่งประกันสังคมและได้ขอภาษีคืน จึงติดปัญหาทำให้ล่าช้า นายต่อจึงยื่นข้อเสนอมาว่าให้เพิ่มจำนวนเงินฝากหรือว่าให้เพิ่มอีก 2แสน บาทรวมแล้วเป็นสามแสนเพื่อจะได้กู้เงิน 3 ล้าน
ไม่กี่วันต่อมา นายต่อแจ้งมาว่าต้องยัดใต้โต๊ะประกันสังคมอีก 2 หมื่นบาท เพื่อที่จะให้เรื่องประกันสังคมและภาษีผ่าน เหยื่อก็ยอมจ่าย
พอวันที่ 16 พฤษภาคมนายต่อได้โทรมาแจ้งว่าทางแบ็งค์สั่งจ่ายเช็คเรียบร้อยแล้วให้รอ SMS จากทางธนาคารแจ้งกลับ
แต่เหยื่อสงสัยว่าให้ไปรับเช็คได้วันไหนและสาขาอะไรก็ให้เลขาโทรกลับไปถามทางแบ็งค์ นายต่อก็เลยตำหนิว่าทำให้เขาต้องโดนตรวจสอบและแบงค์จะยกเลิก การทำธุรกรรมทั้งหมด แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้โดยต้องจ่าย ค่าปรับ2 หมื่นบาท
แต่ก็ยังไม่จบ เพราะหลังจากนั้นนายต่อก็มีเงื่อนไขมาอ้างให้ต้องหาเงินเพิ่มอีกจำนวนมาก
วันนี้ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พร้อมเหยื่อร่างทรง เข้าร้องทุกข์ต่อพล.ต.ต.ไมตรี เฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบฯ เพื่อให้ดำเนินคดีกับร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ เบื้องต้นรู้มาว่า นายต่อ ร่างทรงคนนี้มีหมายจับอยู่แล้วกหลายหมาย